การกลับมาของเลกซัส อีเอส

หัวข้อกระทู้ ใน 'ยานยนต์' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 19 พฤษภาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    เลกซัส อีเอส หายไปจากตลาดไปพักใหญ่ ตั้งแต่ปี 2548 เมื่อหมดเจนเนอเรชั่นที่ 4 เนื่องจากว่ารุ่นถัดมาบริษัทแม่หยุดผลิตรุ่นพวงมาลัยขวา

    ก่อนจะตัดสินใจกลับมาขึ้นสายการผลิตอีกครั้งในตัวล่าสุด เจนเนอเรชั่นที่ 6 ในปีที่ผ่านมา ก่อนที่เลกซัส กรุ๊ป (ประเทศไทย) บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จะตัดสินใจนำเข้ามาทำตลาดอีกครั้งโดยเปิดตัวในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา กับรุ่น อีเอส300เอช ซึ่งรหัส เอช ต่อท้าย ก็เป็นการบ่งบอกว่าคันนี้เป็นรถไฮบริด

    ผู้บริหารเลกซัสบอกว่าการกลับมาของอีเอส มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะอารมณ์ของตัวรถ เนื่องจากเห็นว่าในอดีตที่ผ่านมานั้น ภาพของเลกซัส จะให้ความรู้สึกไปทางหรูหรา สะดวกสบาย แต่โฉมใหม่ได้เพิ่มอารมณ์สปอร์ตเข้าไป เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นจากเดิมจะอยู่ในระดับอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือเป็นผู้บริหารระดับสูง ก็ขยับลงมาอยู่ในระดับอายุ 40 ปี หรือเป็นผู้บริหารทั่วไปได้

    ซึ่งการปรับปรุงนั้นแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก คือ การออกแบบ โดยโครงสร้างโดยรวมยังเน้นหรู พื้นผิวตัวถังที่ค่อนข้างเรียบ ลู่ลม กับรูปทรงตัวรถที่เตี้ยกว่าโตโยต้า คัมรี่ แต่ยาวกว่า แต่เพิ่มอารมณ์สปอร์ตผ่านส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ซุ้มล้อที่โป่งออกมา หรือการออกแบบรูปทรงด้านหน้า ทั้งกระจังหน้า ไฟหน้า กันชน

    ที่พูดถึงคัมรี่ เพราะต้องการเปรียบให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้นครับ แต่ว่าที่จริงแล้วพื้นฐานของอีเอส นั้นใช้ร่วมกับโตโยต้า อวาลอน ครับ ซึ่งบ้านเราไม่มีขาย

    อีก 3 ส่วนที่เหลือที่ปรับปรุงใหม่ก็คือ ภายในห้องโดยสารที่เน้นให้ใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นชุดควบคุมระบบต่างๆ แบบรวมศูนย์ หรือเรียกว่า รีโมท ทัช อินเตอร์เฟซ เป็นต้น

    และอีกสิ่งหนึ่งของภายในห้องโดยสาร ที่ผู้บริหารบอกว่าเป็นดีเอ็นเอของเลกซัส ก็คือ ทำอย่างไรให้ผู้โดยสารนั่งได้อย่างสะดวกสบาย และอย่างสุดท้ายคือการขับขี่ และความประหยัด และบอกว่ารถส่วนใหญ่นั้นเบาะนั่งด้านหน้ามักจะสะดวกสบายกว่า หรือจะให้เจาะจงไปมากกว่านั้นก็คือ เบาะนั่งคนขับ สบายที่สุดครับ

    ซึ่งเบาะหลังของอีเอส ผมลองนั่งดูแล้ว ยอมรับครับว่าทำออกมาได้สบาย ไม่ว่าจะเป็นความนุ่ม กระชับ พื้นที่รองก้นและต้นขา และองศาของพนักพิง

    อีเอส300เอช มี 2 เกรด คือ ลักซ์ชัวรี่ ค่าตัว 3.49 ล้านบาท และพรีเมียม 3.89 ล้านบาท ส่วนต่าง 4 แสนบาท มาจากออปชั่นที่เพิ่มขึ้น 7 รายการ เช่น กระโปรงท้ายปิด-เปิดด้วยระบบไฟฟ้า ระบบจำตำแหน่งเบาะนั่งและพวงมาลัยอัตโนมัติ หรือว่าระบบนำทาง เป็นต้น

    อีเอส300เอช ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร บล็อกเดียวกับคัมรี่นั่นแหละครับ ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ได้รับพลังงานจากแบตเตอรี่ นิกเกิล เมทัล ไฮดราย ให้กำลังรวมกัน 205 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์ อี-ซีวีที ล้อขนาด 215/55 R17

    การขับขี่มีให้เลือก 4 ระบบ คือ อีโค ที่เน้นประหยัด นอร์มอล และสปอร์ต ซึ่งเลือกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา โดยปุ่มควบคุมที่คอนโซลเกียร์ และอีกระบบหนึ่งที่มีปุ่มควบคุมแยกออกมาก็คือ อีวี โหมด หรือการขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว

    จุดเด่นของรถไฮบริดก็ต้องพูดถึงเรื่องของความประหยัด ซึ่งทางโตโยต้า ระบุว่าอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยนั้นอยู่ที่ 21.8 กม./ลิตร ซึ่งแน่นอนว่าการขับขี่จริงของผม ย้ำว่าของผมนะครับ ไม่มีทางทำได้แน่นอน เพราะทุกคันที่ผ่านมือก็เป็นเช่นนั้น แต่อยู่ที่ว่าจะต่างกันมากน้อยแค่ไหนเท่านั้น

    ผลที่ได้ก็ถือว่าไม่เลวครับ กับการออกตัวจากถนนวิทยุ มุ่งหน้าขึ้นทางด่วนพระราม 4 ไปจนถึงมหาชัย ซึ่งปริมาณรถเยอะ แต่ไม่ถึงกับหยุดนิ่ง เพียงแต่มีการใช้คันเร่ง ผ่อน และเบรกบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสภาพจราจรที่จะช่วยรีดประสิทธิภาพของไฮบริดได้ดี พบว่าอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยในช่วงต้นอยู่ที่ 16 กม./ลิตร โดยดูจากผลคำนวณโดยระบบคอมพิวเตอร์ในรถครับ

    แต่หลังจากถนนเริ่มโล่ง ผมขยับความเร็วเพื่อทดสอบด้านอื่นๆ ความเร็วหลากหลายตั้งแต่ 120-180 อัตราเฉลี่ยเมื่อถึงชะอำอยู่ประมาณ 11 กม./ลิตรครับ

    อารมณ์ที่ผมชอบคือ เรื่องของอัตราเร่งที่ทำออกมาได้ดี ตอบสนองรวดเร็ว การเร่งแซงทำได้ทันอกทันใจ ช่วยเพิ่มอารมณ์สปอร์ตและความคล่องตัวของรถได้มากทีเดียว การเปลี่ยนเกียร์ทำได้นุ่มนวลลื่นไหล และแม่นยำ สัมพันธ์กับการเร่งเครื่องยนต์

    ช่วงล่างเกาะถนนแบบให้ความมั่นใจที่จะใช้ความเร็วได้ หลายๆ โค้งที่ต้องผ่านไปด้วยความเร็วทำได้ดี และที่เห็นชัดคือการเปลี่ยนเลนกะทันหันจากการที่ต้องแทรกไปมาระหว่างช่วงว่างของรถที่กระจายอยู่ทุกเลน โดยไม่สนใจว่าจะขับช้าหรือเร็ว รถไม่มีอาการร่อน ไถล พวงมาลัยแม่นยำ น้ำหนักดี และการเก็บเสียงก็ต้องยอมเช่นกัน เก็บได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงเครื่องยนต์ ยาง หรือว่าเสียงลม

    พูดถึงภาพรวม และมองไปที่แนวคิดการสร้างรถ ก็ถือว่าทำได้ดี เพราะเลกซัส บอกแล้วว่าจะผสมผสานระหว่างความสบายกับสปอร์ต อารมณ์รถก็ออกมาแบบนั้น ใครชอบความนุ่มนวล อีเอส มีให้ ใครชอบสปอร์ตก็มีให้เช่นกัน แต่ยังไม่สุดเหมือนกับคู่แข่งจากยุโรปบางยี่ห้อก็ตามครับ



    อุปกรณ์มาตรฐานสำคัญ

    ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC)

    ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC)

    ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS)

    ระบบเสริมแรงเบรก (BA)

    ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)

    ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC)

    ไฟเบรกฉุกเฉิน (Emergency Brake Light)

    ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)

    ระบบป้องกันการโจรกรรม Immobilizer

    ระบบช่วยจอด (Park Assist)

    ถุงลม 10 ตำแหน่ง

    Tags : เลกซัส • พวงมาลัย • เปิดตัวรถ • รถไฮบริด

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้