A250AMG Sportดุดันเร้าอารมณ์

หัวข้อกระทู้ ใน 'ยานยนต์' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 12 พฤษภาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    เบนซ์เอ250เอเอ็มจีสปอร์ตไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดขายรถยนต์ร่วงแรงทีเดียว46% เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี

    และความมั่นใจของผู้บริโภคลดลงไปอย่างชัดเจน แต่ว่าเมื่อเหลือบไปดูรายละเอียดของยอดขายโดยรวม มีตัวเลขค่ายหนึ่งที่แปลกประหลาดกว่าชาวบ้านเขา นั่นก็คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่พบว่ามีเครื่องหมาย + อยู่หน้ายอดขายเพียงค่ายเดียว และไม่ได้บวกธรรมดา แต่บวกถึง 20% ในตลาดรวม และ 24% ในตลาดรถยนต์นั่ง

    ว่ากันว่ารถสิ่งที่ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ สร้างยอดขายเติบโตได้ มาจากสินค้าตัวเล็ก อย่างเอ-คลาส และ ซีแอลเอ-คลาส ขณะที่รุ่นใหม่ล่าสุด ซี-คลาส ที่เพิ่งเปิดตัวช่วง มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ทำได้ดี เห็นจากยอดเฉพาะเดือนมี.ค. ที่เติบโตมากถึง 48%

    ตระกูลรถเล็กของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เคยมีคำถามว่ามาถูกทางหรือไม่ จะได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค โดยเฉพาะในตลาดเมืองไทยที่รู้กันดีว่า ลูกค้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นกลุ่มไหน และมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างไร

    แต่ว่าในเวทีโลก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ทิศทางในอนาคตของตลาดรถยนต์นั้นรถเล็กจะได้รับความนิยม เนื่องจากข้อจำกัดในหลายด้าน ทั้งเรื่องของเชื้อเพลิง สภาพจราจร และความหนาแน่นของสังคมเมือง หรือในเชิงธุรกิจและเงื่อนไขทางกฎหมาย ก็คือเรื่องของสภาวะแวดล้อม

    แพลทฟอร์มใหม่จึงเกิดขึ้น หรือเรียกว่า เอ-แพลทฟอร์ม และมีเป้าหมายสร้างรถจากแพลทฟอร์มนี้ 5 รุ่นด้วยกัน ซึ่งตอนนี้เผยโฉมมาแล้ว 3 และทั้ง 3 รุ่น ก็เข้ามาทำตลาดในบ้านเราเรียบร้อยแล้ว ทั้งเอ-คลาส, ซีแอลเอ-คลาส และ จีแอลเอ-คลาส

    เป้าหมายของเอ-แพลทฟอร์ม ทั้งในเวทีโลก และที่เมืองไทยเหมือนกันก็คือ การขยายตลาดไปยังคนรุ่นใหม่ ผู้บริหารหนุ่มสาว เป็นต้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ค่อยมีก่อนหน้านี้ และแนวทางการทำตลาดที่นำมาใช้ก็เปลี่ยนไป มีการใช้โซเชียลมีเดียมากกขึ้น เช่น สังคมเฟซบุ๊ค ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีทีเดียว

    เอ-คลาส มี 4 รุ่นย่อยให้เลือก เริ่มจาก เอ 180 ที่ทำให้คนมีเงินไม่ถึง 2 ล้าน ก็ขี่เบนซ์ได้ ไปจนถึง เอ 45 เอเอ็มจี 4เมติก ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มสำหรับคนชอบสปอร์ต ชอบความแรง กับค่าตัว 5.79 ล้านบาท

    แต่ถ้าใครอยากสัมผัสอารมณ์สปอร์ตของเอ-คลาส แต่ไม่ต้องจ่ายเกือบ 6 ล้านมีทอนไม่เท่าไร ก็ยังมี เอ 250 เอเอ็มจี สปอร์ต ให้เลือก กับค่าตัวที่ไม่แรงเกินไป 2.59 ล้านบาท

    รูปทรงโดยรวมของเอ-คลาส ให้อารมณ์สปอร์ต ด้วยการเล่นเส้นสาย และการเสริมกล้ามเนื้อในหลายๆจุด และเมื่อเติมรหัส เอเอ็มจี เข้าไป ก็ยิ่งเพิ่มความสปอร์ตเข้าไปอีก เช่น กระจังหน้า ไดมอนด์ กริลล์ ที่ฝังตราดาวสามแฉกไว้ตรงกลาง นอกจากนี้ กันชนหน้า-หลัง ก็แตกต่างออกไป และเพิ่มความเด่นด้วยแถบสีแดงด้านล่างของช่องดักลม

    ซึ่งสีแดงไม่ได้โผล่มาลอยๆ แต่ล้อไปกับชิ้นส่วนอีกหลายตัว เริ่มตั้งแต่คาลิปเปอร์เบรก ด้ายแดงเย็บคู่ที่เบาะนั่ง พวงมาลัย แผงข้างประตู เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังใช้สีแดงแต่งแต้มขอบช่องอากาศเครื่องปรับอากาศ รวมถึงเข็มขัดนิรภัยที่เลือกใช้สีแดง

    เบาะนั่งกึ่งๆบักเก็ตซีท หนา นุ่ม นั่งสบาย แต่ก็ให้อารมณ์สปอร์ตด้วยรูปทรงที่โอบกระชับลำตัว นั่งแล้วช่วยให้รู้สึกมั่นคง และพร้อมที่จะลุยกับเส้นทางที่เลื้อยไปมา โดยไม่ต้องกังวลว่าตัวจะเลื่อนจากตำแหน่ง ทำให้การควบคุมรถทำได้ไม่เต็มที่

    กลับมาที่ด้านนอกอีกครั้ง 250 เอเอ็มจี สปอร์ต มาพร้อมกับล้ออัลลอย 5 ก้าน ดูโฉบเฉี่ยว มาพร้อมกับยางขนาด 235/40 R18 ทั้งหน้า-หลัง ขณะที่ระบบกันสะเทือนปรับให้ต่ำลงกว่าปกติ ช่วยให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ รองรับการขับขี่ที่รวดเร็วได้ดียิ่งขึ้น

    เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง 1,991 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม.เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด แบบสปอร์ต พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองที่หลังพวงมาลัย

    เสียงเครื่องเร้าใจ วัยรุ่นชอบ มันผ่านการปรับแต่งให้ดุดัน แบบทุ่มลึก ให้อารมณ์ร่วมได้ดียามที่เท้ากดลงไปบนคันเร่ง และไม่ได้มาแต่เสียง มันมาพร้อมกับแรงกระชาก จากแรงบิดที่สูง และทำได้ในรอบกว้างเริ่มจากรอบต่ำ ทำให้รถทะยานไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว

    ระบบขับขี่มี 3 ระบบ E หรือระบบธรรมดา S สปอร์ต และ M หรือแมนวล เลือกปรับด้วยตัวเอง เลือกง่ายๆ ด้วยการกดปุ่มที่คอนโซลหน้า

    S ให้อารมณ์สปอร์ตที่ชัดเจน แรงกระชากมาแบบไม่เกรงใจใครทุกครั้งที่เท้ากดลงไปบนคันเร่ง เร่งแซงได้ทันอกทันใจ แบบใช้เวลาไม่นานรถที่เพิ่งแซงมาก็หายไปจากกระจกมองหลัง ขณะที่ช่วงล่างก็กระด้างชัดเจนเช่นกัน ทางเรียบกริบไม่มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าบ้านเราจะหาทางแบบนั้นได้ที่ไหน

    มีน่ะมี แต่อาจจะไม่ต่อเนื่องครับ สำหรับทางแบบนั้น

    การขับด้วยโหมดสปอร์ต สนุกเท้า สนุกมือ เพราะกำลังมาเร็ว ทันอกทันใจ พวงมาลัยคมกริบ น้ำหนักพอควร ทำให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นคง

    โหมด E แน่นอนว่าอารมณ์สปอร์ตสู้ S ไม่ได้ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้สนุกกับการขับขี่ได้

    จากการลองใช้งานทุกโหมดสลับกันไปมา โดยส่วนตัว แม้จะชอบความสนุกของ S หรือ M แต่ถ้าโดยภาพรวมแล้วผมว่า E นี่แหละน่าจะลงตัวที่สุด เมื่อมองถึงองค์ประกอบต่างๆ ทั้งสภาพจราจร และสภาพถนนครับ

    Tags : เมอร์เซเดส-เบนซ์ • รถสปอร์ต • ยานยนต์

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้