หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สั่งแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ห่วงราคายางตกกำชับช่วยเหลือด้านสินเชื่อ กำชับบอร์ด บีโอไอ เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจในไตรมาส 3-4 ในการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติชุดใหญ่ในวันนี้ หัวหน้า คสช.ได้สั่งการแก้ไขราคาสินค้าทางการเกษตร ขณะเดียวกันยังมีความเป็นห่วงเรื่องราคายางพาราตกต่ำ โดยได้กำชับให้หาแนวทางการช่วยเหลือทางด้านสินเชื่อ โดย พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. แถลงผลการประชุม คสช.คณะใหญ่ครั้งที่ 11/2557 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องของราคาสินค้าทางการเกษตร โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหาแนวทางในการขายสินค้าของเกษตรกรโดยตรง ไม่ต้องรอมาตรการของทางภาครัฐเพียงอย่างเดียว ขณะที่ในส่วนของการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ให้ทุกภาคส่วนหาแนวทาง เพื่อให้การแก้ไขดำเนินการได้ผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ พร้อมกันนี้ พล.อ.วินธัย ยังระบุว่า หัวหน้า คสช.ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ศึกษารายละเอียดเพื่อพัฒนารถไฟ อีกทั้งยังมอบหมายให้กระทรวงวัฒธรรม จัดทำภาพยนต์เพื่อประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว และการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศอีกด้วย นอกจากนี้หัวหน้า คสช.ยังแสดงความเป็นห่วงเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ซึ่งมีราคาตกต่ำลง โดยกำชับให้มีการช่วยเหลือในเรื่องของการใช้สินเชื่อเป็นหลัก ทั้งการแปรรูปและผลิต เพื่อบรรเทาปัญหาของเกษตรกร นอกจากนี้ก็ยังได้แสดงความชื่นชมและให้กำลังใจนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงของทีมชาติไทย ที่ทำให้คนไทยนั้นมีความสุข "พล.อ.ประยุทธ์"กำชับBOIเร่งขับเคลื่อนศก.ไตรมาส3-4 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ กล่าวในที่ประชุม ว่า เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 และ 4 ส่งต่อการทำงานในปีงบประมาณ 2558 ทั้งเรื่องส่งเสริมการลงทุน และการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในวันนี้มีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะประกาศ คสช.ฉบับที่ 100/2557 ในเรื่องการแก้ไขกฎหมาย และเรื่องที่ว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ที่มีการปรับย้าย รวมไปถึงการโอนคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จากกระทรวงอุตสาหกรรมมาขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี เหมือนครั้งแรกที่มีการแต่งตั้งบอร์ดขึ้นมา เพื่อปรับให้กลับมาอยู่ในสายการบังคับบัญชาเดิม และให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการประชุมในวันนี้จะเน้นในเรื่องยุทธศาสตร์การลงทุนทุกด้านอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในเรื่องส่งเสริมอุตสาหกรรมในอนาคต และการกำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ รวมถึงยุทธศาสตร์ใหม่ในวันนี้ด้วย คสช.อนุมัติแก้กฎหมายหนุนผลิตรถอีโคคาร์ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยผลการประชุมของ คสช.ในวันนี้ว่า ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติ ให้ทางกระทรวงการคลัง แก้ไขกฎหมายของกรมสรรพสามิต 2 ฉบับ เพื่อสนับสนุนให้มีการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานหรืออีโคคาร์ประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น ภายหลังพบว่าในช่วงงบประมาณปี 2556 มีการผลิตรถยนต์อีโคคาร์ทั้งหมดเพียง 158,434 คัน และพบว่าเป็นเครื่องเบนซินทั้งหมด จึงได้มีการแก้ไขกฎหมาย โดยมีการเพิ่มความจุ กระบอกสูบเครื่องยนต์ดีเซล จากเดิม 1,400 ซีซี เป็น 1,500 ซีซี เพื่อสนับสนุนให้มีการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลในรถอีโคคาร์ให้มากขึ้น พร้อมแก้ไขกฎหมายให้รถยนต์อีโคคาร์ที่ใช้น้ำมันบี10 ให้ได้รับอัตราภาษีที่ร้อยละ 17 ด้วย คสช.อนุมัติ120,000 ล้าน พัฒนาระบบไฟฟ้า ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) ได้เปิดเผยผลการประชุมของทาง คสช.ในวันนี้ว่า ที่ประชุมได้มีการอนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ก่อสร้างโรงไฟฟ้ากำลังการผลิต 600 เมกกะวัต มูลค่า 36,811 ล้านบาท เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4-7 ที่จะหมดอายุลงในปี 2560 โดยโรงไฟฟ้าไม่สามารถเข้าจ่ายไฟในระบบได้ในเดือนมกราคม ปี 2561 ขณะเดียวกันยังให้ทาง กฟผ. ไปปรับปรุงพัฒนาการผลิตไฟฟ้า ทั้งจากโรงไฟฟ้าและเขื่อนต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ยังได้อนุมัติงบประมาณอีกกว่า 60,000 ล้านบาท เป็นงบผูกพันตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2556-มีนาคม ปี 2563 เพื่อขยายระบบส่งไฟฟ้าและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง 7 แห่งทั่วประเทศ เพื่อใช้ในความมั่นคงระบบไฟฟ้าให้มากขึ้น พร้อมอนุมัติวงเงินอีก 63,200 ล้านบาท ในการปรับปรุงระบบไฟฟ้าภาคตะวันตกและภาคใต้ นอกจากนี้ ยังให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินในประเทศ 3,000 ล้านบาท ในการปรับปรุงระบบส่งและจำหน่ายเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศด้วย ----------------------------------------------------------------- 'ประยุทธ์'ย้ำงบโปร่ง ใส-คสช.ปัดมีแนวคิดนิรโทษทักษิณ http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=559761