วิธีปิด SMBv1 เพื่อป้องกันตัวเองจากมัลแวร์เรียกค่าไถ่ WannaCry (ทำเถอะ ไม่ถึง 5 นาที)

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 14 พฤษภาคม 2017.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ขณะนี้มัลแวร์เรียกค่าไถ่ WannaCry / WannaCrypt กำลังระบาดหนักทั่วโลก มีคอมพิวเตอร์โดนโจมตีไปแล้วกว่า 200,000 เครื่องใน 99 ประเทศภายในเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น

    เรามีวิธีป้องกันตัวเองจากมัลแวร์ดังกล่าวอยู่ 2 อย่าง คือการอัพเดตวินโดวส์เพื่ออุดช่องโหว่ และอีกอย่างคือการปิดโปรโตคอล Server Message Block (SMB) ที่เป็นโปรโตคอลสำหรับการรับส่งไฟล์ระหว่างคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน

    [​IMG]

    ปัจจุบันโปรโตคอล SMB มี 3 เวอร์ชันด้วยกัน คือ SMBv1, SMBv2 และ SMBv3 โดย SMBv1 เป็นรุ่นเก่ามาก ออกมาเกือบ 30 ปีแล้ว ซึ่ง WannaCry ก็ใช้ช่องโหว่ของ SMBv1 นี่แหละ เป็นช่องทางแพร่ตัวเองเข้าโจมตีคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในเครือข่าย โดยที่เครื่องเป้าหมายไม่ต้องคลิกเปิดไฟล์อะไรด้วยซ้ำ (เปิดคอมต่อเน็ตอยู่ดีๆ ก็ติดเลย) ดังนั้น SMBv1 จึงไม่เหมาะสมที่จะใช้งานในยุคนี้แล้ว และควรปิดทิ้งไปเสีย

    เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นการรับส่งข้อมูลหากัน จึงต้องมีฝั่งนึงเป็น Server และอีกฝั่งเป็น Client โดยสำหรับผู้ใช้ทั่วไป จะถือว่าตัวเองเป็น Client ซึ่งการปิดแบบ Client ก็เพียงพอแล้วต่อการป้องกันตนเองไม่ให้รับมัลแวร์เข้ามา

    การปิด SMBv1 ฝั่ง Client


    โชคดีที่ขั้นตอนการปิด SMBv1 ใน Windows 8.1, Windows 10, Windows 2012 R2 และ Windows Server 2016 นั้นง่ายมาก ไม่ต้องมีความรู้ทางเทคนิคเลยก็ทำได้ ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จแล้ว ดังนี้

    1. คลิก Start
    2. พิมพ์ในช่อง Search ว่า "turn windows features" แล้วคลิกที่ "Turn Windows features on or off" ตามภาพ

      [​IMG]
    3. หน้าต่าง Windows Features จะเปิดขึ้นมา ให้เลื่อนลงไปล่างๆ หาข้อความ "SMB 1.0/CIFS File Sharing Support" โดยฟีเจอร์นี้จะถูกเปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้น

      [​IMG]
    4. ให้นำติ๊กถูกออกจากช่องสี่เหลี่ยม และกด OK

      [​IMG]
    5. สุดท้าย ให้รีสตาร์ทเครื่อง 1 รอบ ก็เป็นอันเสร็จสิ้น เพียงเท่านี้มัลแวร์ WannaCry ก็ไม่สามารถแพร่มาหาเราได้แล้ว

    [​IMG]

    อย่างไรก็ตาม การปิด SMBv1 ฝั่ง Client ในระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าอย่าง Windows Vista, Windows Server 2008, Windows 7, Windows Server 2008 R2, Windows 8 และ Windows Server 2012 มีความยุ่งยากอยู่บ้าง เพราะต้องรันคำสั่งผ่าน Command Prompt ดังนี้

    1. เปิด elevated command prompt โดยการคลิกขวาที่ Command Prompt แล้วคลิก Run as administrator

      [​IMG]
    2. พิมพ์คำสั่งด้านล่าง ทีละคำสั่ง

      sc.exe config lanmanworkstation depend= bowser/mrxsmb20/nsi
      sc.exe config mrxsmb10 start= disabled​
    3. รีสตาร์ทเครื่อง
    การปิด SMBv1 ฝั่ง Server


    สำหรับฝั่ง Server ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 2012 R2 และ Windows Server 2016 ก็ให้เปิด Server Manager และไปที่ Dashboard จากนั้นก็นำติ๊กถูกออกตามภาพ

    [​IMG]

    ส่วนการปิด SMBv1 ฝั่งเซิฟเวอร์ในระบบปฏิบัติการรุ่นเก่า อย่าง Windows 8, Windows Server 2012, Windows 7, Windows Server 2008 R2, Windows Vista และ Windows Server 2008 มีความซับซ้อนมาก จึงจะไม่นำมาสอนในบทความนี้ ขอให้ผู้ดูแลระบบเข้าไปทำตามวิธีที่ไมโครซอฟท์สอนไว้จากลิงค์อ้างอิงท้ายบทความนะครับ

    สุดท้าย เราขอแนะนำให้ทุกท่านอัพเดตระบบปฏิบัติการ รวมถึงซอฟต์แวร์ต่างๆ ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ และใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์กันเถิดครับ อย่าง Windows 10 แบบ OEM ในปัจจุบันก็ราคาเพียง 3,990 บาทเท่านั้น สามารถใช้งานได้อย่างสบายใจ (และภูมิใจ) พร้อมรับแพตช์ล่าสุดตลอดเวลา ขอให้มี awareness ระหว่างการใช้งานให้มาก เพราะการโจมตีไซเบอร์สมัยนี้มันโหดร้ายกว่าแต่ก่อนเยอะครับ

    อ้างอิง - How to enable and disable SMBv1, SMBv2, and SMBv3 in Windows and Windows Server

    Topics: SecurityRansomwareWindows
     

แบ่งปันหน้านี้