กสิกรเร่งขยายเครือข่ายอาเซียน+3 ก่อนปี 58 เผยต้นไตรมาส 4 เตรียมเปิดธนาคารท้องถิ่นในลาว นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ก่อนจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในช่วงปลายปี 2558 ธนาคารจะเร่งขยายเครือข่ายในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่จะเข้าไปลงทุนระหว่างกัน โดยยุทธศาสตร์ต่างประเทศของธนาคารจะเน้น AEC+3 คือกลุ่มประเทศอาเซียน 10 แห่งรวมถึงจีน ญี่ปุ่นและเกาหลี โดยปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีสาขาในจีน 3 สาขา คือ สาขาเซินเจิ้น สาขาเฉิงตู สาขาฮ่องกง และ 3 สำนักงานผู้แทน คือ สำนักงานผู้แทนกรุงปักกิ่ง สำนักงานผู้แทนนครเซี่ยงไฮ้ และสำนักงานผู้แทนเมืองคุนหมิงสามารถสร้างกำไรได้แล้ว ส่วนธุรกิจในญี่ปุ่นธนาคารใช้รูปแบบการให้บริการผ่านธนาคารพันธมิตรซึ่งเป็นธนาคารท้องถิ่นโดยมีสำนักงานผู้แทน 1 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะใช้รูปแบบนี้กับธุรกิจในเกาหลีเช่นกัน สำหรับกลุ่มประเทศในลุ่มน้ำโขงหรือซีแอลเอ็มวีนั้นธนาคารมีแผนจะขยายเครือข่ายสาขามากขึ้น โดยในช่วงต้นไตรมาส 4 ของปีนี้ ธนาคารคาดว่าจะเปิดธนาคารท้องถิ่นในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งจะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ธนาคารถือหุ้น 100% โดยใช้เม็ดเงินลงทุน 40 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 1.3 พันล้านบาท ให้บริการลูกค้าไทยที่เข้าไปลงทุนในพม่า รวมถึงลูกค้าคหบดีในพม่าที่มีความต้องการบริการทางการเงิน ซึ่งการเปิดเป็นธนาคารท้องถิ่นจะมีความคล่องตัวมากกว่าการเป็นสาขาธนาคารต่างประเทศ เพราะสามารถขยายเครือข่ายการให้บริการได้มากกว่า “การออกไปขยายเครือข่ายจะเป็นการรองรับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการเข้าไปลงทุนที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันลูกค้าบุคคลในแต่ละประเทศก็มีความต้องการบริการทางการเงินเช่นกัน ดังนั้นสาขาในประเทศลาวที่จะเข้าไปเปิดธนาคารจะมีโซนวิสดอมสำหรับรองรับลูกค้าคหบดีท้องถิ่นในลาวที่ปัจจุบันมีความต้องการเข้ามาใช้บริการกับสาขาธนาคารที่อยู่ในจังหวัดตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง” ในส่วนของพม่าอยู่ระหว่างการยื่นขอยกระดับจากสำนักงานผู้แทน เป็นสาขาตามที่ทางการพม่าเปิดให้ยื่นคำขอ ขณะเดียวกันยังมีแผนเปิดสำนักงานตัวแทนในกัมพูชาในปลายปีนี้ก่อนจะขอเปิดเป็นสาขาในปี 2558 เช่นเดียวกับประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนามที่จะเปิดสำนักงานตัวแทนในปีนี้เช่นกัน ส่วนจะได้ยกระดับเป็นสาขาเมื่อไรขึ้นอยู่กับกติกาของแต่ละประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังใช้รูปแบบของความร่วมมือกับธนาคารพันธมิตรในการดูแลลูกค้าที่เข้าไปลงทุน นายธีรนันท์ยังกล่าวอีกว่า นอกจากการขยายตัวของภูมิภาคอาเซียนยังจะทำให้เห็นการเติบโตของการค้าตามแนวชายแดนรวมถึงธุรกิจในหัวเมืองใหญ่ ๆ ด้วย โดยจะเห็นได้ว่าการเติบโตสินเชื่อของธนาคารในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ขยายตัวในระดับ 2.29% สวนทางกับตลาดที่สินเชื่อยังชะลอตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยุทธศาสตร์การกระจายตลาดไปยังต่างจังหวัดมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของต่างจังหวัดเริ่มสูงกว่ากทม.แล้ว ทางด้านนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ความต้องการออกไปลงทุนในอาเซียนมีมากขึ้นทำให้กลยุทธ์การทำธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารจะต้องรองรับการขยายตัวในภูมิภาคของลูกค้ามากขึ้น ในอุตสาหกรรมที่มีการฟื้นตัว ทั้งนี้เพื่อป้องกันการแข่งขันจากธนาคารคู่แข่ง ซึ่งที่ผ่านมาเราให้คำแนะนำลูกค้าไปลงทุนในพม่า ซึ่งก็ยอมรับว่ายังมีปัญหาเรื่องกฎเกณฑ์อยู่บ้าง แต่เชื่อว่าหากเลือกตั้งเรียบร้อยน่าจะทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น สำหรับภาพรวมการทำธุรกิจในประเทศขณะนี้ปัจจัยในประเทศไม่ใช่ประเด็นที่น่าเป็นห่วง แต่จะต้องจับตาการเมืองต่างประเทศที่มีความร้อนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้และการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลาจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันและลูกค้าธนาคารอย่างไร ซึ่งหากไม่มีความรุนแรงก็ไม่น่าจะกระทบมาก เนื่องจากในขณะนี้เศรษฐกิจโลกโดยรวมค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรปและญี่ปุ่น Tags : ธีรนันท์ ศรีหงส์ • กสิกรไทย • อาเซียน • เออีซี