"ประยุทธ์-ประจิน" พบนักลงทุนต่างชาติ เผยนักลงทุนมั่นใจมากขึ้น แต่ห่วงการเลือกตั้งล่าช้ากว่าแผน เหตุมีปัญหาต้องปฏิรูปตามแผนมากเกินไป ขณะหัวหน้าคสช.ย้ำไม่ทำทุกเรื่อง แต่จัดลำดับความสำคัญ ลั่นเลือกตั้งตามกำหนด วานนี้ (15 ส.ค.) สภาธุรกิจตลาดทุนไทย พร้อมด้วยผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ นำผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ 25 แห่ง ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 16 ล้านล้านดอลลาร์ และมีการลงทุนอยู่ตลาดหุ้นไทยรวมกว่า 5 แสนล้านบาท เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อรับทราบนโยบายและแผนงานการปฏิรูป และการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ ที่โรงแรมแมนดาริน โฮเรียนเต็ล ก่อนจะเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ นักลงทุนกลุ่มนี้ ได้รับฟังข้อมูลจากผู้บริหารกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รวมถึง นายวิรไท สันติประภพ กรรมการในซูเปอร์บอร์ดด้วย ทั้งนี้ การเข้ารับฟังการชี้แจงจากคสช.ในครั้งนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟัง นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่านักลงทุนกลุ่มนี้ เป็นนักลงทุนระยะยาวที่มีการลงทุนในประเทศไทยอยู่แล้ว หลังจากได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ นักลงทุนทุกคนมีความเข้าใจ และมีความมั่นใจในการเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น "ท่านหัวหน้า คสช. ได้ชี้แจงอย่างละเอียดว่า การทำรัฐประหารครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการอำนาจ แต่เป็นเพราะบ้านเมืองเดินต่อไปไม่ได้ เราไม่เหมือนในต่างประเทศที่ยึดอำนาจ เพราะต้องการอำนาจ นักลงทุนก็เข้าใจ และรู้สึกดีที่ท่านประยุทธ์มีความจริงใจในการให้ข้อมูล ตอบคำถาม และมีไทม์ไลน์ในการบริหารที่ชัดเจน" นักลงทุนห่วงเลือกตั้งล่าช้า นายไพบูลย์ กล่าวว่าประเด็นที่นักลงทุนสนใจ และเป็นห่วงคือ ช่วงเวลาเลือกตั้งใน 1 ปีข้างหน้า หรือเดือน ต.ค.ปี 2558 ว่า จะล่าช้าออกไปหรือไม่ เพราะในการปฏิรูปประเทศมีเรื่องที่ต้องทำมากมาย รัฐบาลอาจจะทำไม่เสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งก็ได้รับการชี้แจงว่า รัฐบาลจะมีการจัดทำลำดับความสำคัญ อะไรที่สำคัญมาก จะทำให้เสร็จก่อน ไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกอย่างเสร็จก่อน ถึงจะมีการเลือกตั้ง นักลงทุนก็สบายใจมากขึ้น นักลงทุนอยากให้ยกเลิกกฎอัยการศึก เพราะจะเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากในบางบริษัท บางประเทศยังห้ามเดินทางมาประเทศที่มีกฎลักษณะนี้อยู่ ซึ่งก็จะกระทบต่อการเดินทางมาลงทุน และการท่องเที่ยวของไทย "แม้ขณะนี้ยังไม่มีรัฐบาล นักลงทุนก็มีมุมมองเป็นบวกต่อประเทศไทย ขณะนี้บางส่วนก็เริ่มทยอยกลับเข้ามาลงทุน เพราะมีแผนงานที่ชัดเจน สิ่งที่นักลงทุนต้องการคือความชัดเจน และเชื่อว่าถ้าทุกอย่างเดินหน้าได้ตามแผนที่ประกาศ จะเห็นเม็ดเงินลงทุนกลับเข้ามาลงทุนไทยมากขึ้น" ประยุทธ์ย้ำให้ความสำคัญลงทุนต่างชาติ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงถึงความจำเป็นและเหตุผลในการทำรัฐประหาร ปฏิรูปประเทศ พร้อมพูดถึงแนวทางการดำเนินงาน หรือโรดแมพ 3 ระยะ คือ ระยะสั้น ในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า เพื่อทำบ้านเมืองให้เข้าสู่ความสงบ เรียบร้อย สร้างความปรองดองให้คนในชาติ และแก้ไขปัญหาระยะสั้นที่ไม่อาจดำเนินการได้ในช่วงที่ผ่านมา สำหรับระยะที่ 2 จะเริ่มในเดือนก.ย.นี้ โดยจะมีการตั้งรัฐบาลให้แล้วเสร็จในช่วงสิ้นเดือนนี้ เพื่อเริ่มบริหารงานในเดือนก.ย. จะมุ่งปฏิรูป 11 เรื่องสำคัญ ทั้งด้านเศรษฐกิจ พลังงาน และด้านกฎหมาย ส่วนระยะที่ 3 นั้น เป็นช่วงการเลือกตั้งและมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหาร "ท่านประยุทธ์ได้เน้นย้ำว่า ให้ความสำคัญกับการลงทุนของต่างประเทศ และให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ หากมีส่วนใดที่ต้องแก้ไขปรับปรุงในเรื่องของกฎหมาย หรือการให้ใบอนุญาตก็พร้อมจะดำเนินการ เพื่อสนับสนุนการเข้ามาลงทุนของต่างประเทศ" นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่านักลงทุนค่อนข้างพอใจ และมั่นใจในแผนงานการปฏิรูป และอยากให้มีแนวทางที่ทำให้การปฏิรูปนี้ยังมีอยู่ในระยะยาว แม้จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ขณะนี้ต่างชาติก็เริ่มทยอยเข้าลงทุนแล้ว ในเดือนก.ค.ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 427 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน ส.ค.ซื้อสุทธิแล้ว 68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 'ประยุทธ์'หวังอนาคตเงินลงทุนพุ่งเท่าตัว ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเช้าวานนี้ (15 ส.ค.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้นำนักธุรกิจ นักลงทุนไทยและต่างชาติ 26 บริษัท ที่ลงทุนในประเทศไทยมายาวนานเดินทาง เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวขอบคุณนักลงทุนที่ให้เกียรติประเทศไทย และยืนยันว่าการทำงานของสภาธุรกิจตลาดหุ้นไทย ที่ผ่านมาได้ประสานความร่วมมือ กับภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 7 องค์กร 25 ผู้ลงทุน คือหัวใจของประเทศไทย และการค้าที่ดีระหว่างกัน ทั้งนี้สภาธุรกิจตลาดหุ้นไทย ทำการพัฒนาให้ตลาดหุ้น มีความเจริญเติบโต ยั่งยืนขึ้นไป และร่วมมือกับผู้ประกอบการ ทำประโยชน์ให้กับสังคม ดูแลผู้ด้อยโอกาสอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการลงทุนของนักธุรกิจต่างชาติที่มาลงทุน ในประเทศไทยจำนวน 16 ล้านล้านดอลลาร์ ถือว่าเป็นวงเงินที่สูงมาก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าอยากให้มูลค่าการลงทุนในประเทศไทยสูงถึง 32 ล้านล้านดอลลาร์ ในอนาคตโดยเร็ว ดันปีหน้าปีแห่งการท่องเที่ยว พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่าจากการเข้าพบนักลงทุนสถาบันต่างชาติ 20 ประเทศ 25 ราย พบว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะนักลงทุนจากสหรัฐ ก็มีการกล่าวชื่นชมคสช. ในการรักษาความสงบแห่งชาติด้วยดี ซึ่งหลังจากนี้ สิ่งที่ไทยต้องเตรียมตัว คือ โครงสร้างพื้นฐานของไทย ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ให้มีความพร้อม รวมถึงพวกโทรคมนาคมต่างๆ ให้เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ส่วนความกังวลเรื่องกฎอัยการศึกที่อาจมีผลกระทบนั้น จากการที่พูดคุย นักลงทุนไม่ได้มีความกังวล เพราะระบบการค้า การเงิน ยังทำได้ตามปกติ ส่วนการท่องเที่ยว ที่มีความกังวลกันว่า อาจจะมีปัญหาด้านการประกันชีวิต สิ่งที่ คสช.จะทำคือ ชี้แจงว่าประเทศไทยมีความปลอดภัยด้านการเดินทาง เหตุการณ์ก็สงบเรียบร้อย และหากเกิดเหตุการณ์ คสช.ก็พร้อมจะดูแล "ตอนนี้ คสช. กำลังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ในการจัดอีเวนท์กระตุ้นการท่องเที่ยวไทย สอดรับกับแผนสร้างให้ปี 2558 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว" เตรียมโรดโชว์ตปท.ทั้งใน-นอกอีกรอบ พล.อ.อ. ประจิน ย้ำว่า หลังจากที่พบนักลงทุนและได้รับกระแสตอบรับที่ดี คสช. มีแผนจะโรดโชว์อีกครั้ง ทั้งออกไปพบนักลงทุนในต่างประเทศ หรือเชิญนักลงทุนเข้ามาพบอีกครั้ง ซึ่งอาจจะมีบางครั้งที่ร่วมกันไปกับสภาธุรกิจตลาดทุน ต่อข้อซักถามที่ว่า กฎอัยการศึกจะยุติลงเมื่อไร พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่าหากเหตุการณ์สงบ ไม่มีปัจจัยใดมาฉุดรั้งโรดแมพ 3 ข้อของคสช. ก็พร้อมจะพิจารณายกเลิก หากยังมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้น ก็ยังคงกฎอัยการศึกอยู่ เปิดทางต่างชาติซื้อกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน พล.อ.อ.ประจิน กล่าวถึงความคืบหน้าในการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือ Infrastructure Fund: IFF อยู่ระหว่างการศึกษา ทั้งการเอาสินทรัพย์ที่มีอยู่มาตั้งกองทุน อาทิ เส้นทางรถไฟฟ้า ซึ่งสามารถจัดตั้งกองทุนได้เลย เพราะมีความพร้อม หรือเส้นทางรถไฟทางคู่ที่ยังไม่ได้สร้าง แต่สามารถประเมินรายได้ล่วงหน้าได้ ก็สามารถนำมาจัดตั้งกองทุนได้เช่นกัน ทั้งนี้หากเกิดกองทุนขึ้นจริง ก็จะขายกองทุนให้กับนักลงทุนในต่างประเทศมากกว่า พล.อ.อ.ประจิน กล่าวอีกว่าจากกระแสข่าวลือเรื่องการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ และมีความกังวลเรื่องการปลดพนักงาน คสช. ยอมรับว่า มีการพูดคุยเรื่องการปฏิรูปจริง แต่ไม่มีการพูดคุยในประเด็นปลดพนักงาน Tags : สภาธุรกิจตลาดทุนไทย • หลักทรัพย์ • พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา • เศรษฐกิจ • นักลงทุน • ปฏิรูปประเทศ • เลือกตั้ง