กบข.-สถาบันแห่ลงทุนหุ้นไทย ตุนหุ้นในพอร์ตเกือบ10%-ผลตอบแทนเกิน4.4% "กบข." ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยเท่าตลาด หนุนพอร์ตลงทุนหุ้นเกือบ 10% ขณะที่"ต่างชาติ-สถาบัน" วานนี้ แห่ซื้อหุ้นไทยดันดัชนีพุ่ง 24 จุด วอลุ่มแน่นเฉียด 57,000 ล้านบาท ด้านบล.บัวหลวงเตรียมออกกองทุนลุยลงทุนตลาดหุ้นเอเชียปีหน้า สอดรับจังหวะเปิดเออีซี นายแมน ชุติชูเดช ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนปี 2557 น่าจะสูงกว่าผลตอบแทนปีที่แล้วที่อยู่ที่ 4.4-4.5% และจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยผลตอบแทนระยะยาว 17 ปี ที่อยู่ที่ 6.9% เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีหุ้นไทยที่เริ่มปรับฐานขึ้นภายหลังสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศคลี่คลายสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ขณะเดียวกัน กบข.ได้ปรับน้ำหนักการลงทุนของตลาดหุ้นไทยจากเดิมที่ให้น้ำหนักน้อยกว่าตลาด (Underweight) เป็นเท่ากับตลาด (Neutral) เมื่อต้นไตรมาส 2/2557 ที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลาย ส่งผลให้สัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของกบข. อยู่ที่ 8-9% ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศอยู่ที่ 12-13% ในส่วนของการลงทุนไทยที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น กบข.ได้มุ่งเน้นไปในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภายในประเทศ และกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังคงให้น้ำหนักเท่าเดิม และกลุ่มพลังงานที่จะไม่เพิ่มน้ำหนักการลงทุน เขากล่าวว่า มุมมองต่อตลาดหุ้นทั่วโลก กบข.ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด (Overweight) แต่มากกว่าในอัตราเพิ่มเพียง 2% จากเมื่อต้นปีที่ให้น้ำหนักมากกว่าตลาด 5-6% ด้านนายอดิศร โรจนพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารความเสี่ยง บลจ.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจเข้าลงทุน โดยเชื่อว่ามีโอกาสที่จะปรับฐานขึ้นสู่ระดับ 1,600 จุด ในปี 2558 ภายใต้ค่าพีอีซื้อขายที่ 15 เท่า เนื่องจากโปรเจคการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐที่มีความชัดเจนขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะผลบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศ มองว่าตลาดหุ้นเกิดใหม่ยังน่าสนใจเข้าลงทุนอยู่ แต่อาจต้องหลีกเลี่ยงการลงทุนในบางประเทศ อาทิ ประเทศอินโดนีเซีย เขากล่าวว่า ในปี 2558 บลจ.จะเริ่มออกกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศโดยตรง จากปัจจุบันที่ลงทุนต่างประเทศผ่านทางกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) เนื่องจากมองเห็นโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นจากการเปิดเสรีประชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยเบื้องต้นจะอิงไปกับธุรกิจของไทยที่ขยายการลงทุนไปสู่ต่างประเทศก่อน เชื่อว่าจะได้การตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ด้านบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (13 ส.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ 1,544.55 จุด เพิ่มขึ้น 24.24 จุด หรือ 1.59% ระหว่างวันดัชนีปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 1,546.32 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,150 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,684.79 ล้านบาท สถาบันซื้อสุทธิ 2,614.31 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อ 634.62 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 6,933.71 ล้านบาท สำหรับหุ้นที่ซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ช.การช่าง ปิดซื้อขายที่ 27.25 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท หรือ 3.81% มูลค่าซื้อขาย 2,562 ล้านบาท บริษัท บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ปิดซื้อขายที่ 6.25 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 6.02% มูลค่าซื้อขาย 2,393 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย ปิดซื้อขายที่ 226 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาท หรือ 3.67% มูลค่าซื้อขาย 1,759 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ ปิดซื้อขายที่ 186.50 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท หรือ 2.75% มูลค่าซื้อขาย 1,677 ล้านบาท และธนาคารกรุงไทย ปิดซื้อขายที่ 22.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 1.79% มูลค่าซื้อขาย 1,636 ล้านบาท นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ หัวหน้าสายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับเพิ่มขึ้นหลังจากปิดทำการ 2 วัน โดยดัชนีปรับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่า 20 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค เพราะสภาพคล่องทางการเงินสูงจากมาตรากระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ และยุโรป ทำให้จำนวนเงินไหลเข้ามายังตลาดหุ้นที่มีทิศทางสดใส เพราะภาพรวมเศรษฐกิจของเอเชียที่ดีกว่าฝั่งยุโรปและละตินอเมริกา ทำให้กระแสเงินทุนเข้ามาตลาดหุ้นเอเชียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบในยูเคนและอิรัก ประเมินว่าไม่กระทบต่อตลาดหุ้นไทยโดยตรง แต่กระทบฝั่งยุโรปมากกว่า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวอาจจะกระทบในกลุ่มส่งออกบ้างเล็กน้อย เนื่องจากการส่งออกของไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปยังยุโรปอยู่ประมาณ 10% แนวโน้มการเคลื่อนไหวดัชนีวันนี้ (14 ส.ค.) คาดหุ้นไทยบวกปรับเพิ่มขึ้นในกรอบจำกัด เพราะวานนี้ได้ปรับขึ้นตามตลาดภูมิภาคแล้ว ขณะที่ยังมีปัจจัยในประเทศให้ติดตามคือ พัฒนาการทางการเมืองในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล การผ่านร่างงบประมาณปี 2558 ประกอบกับหุ้นหลายๆ ตัวในตลาดตอบรับต่อประเด็นข่าวดีมาระยะหนึ่ง ส่งผลให้อัพไซด์เริ่มจำกัดมากขึ้น ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนก็บางกำไรหุ้นรายตัว ในกลุ่มหุ้นที่จะเข้าช่วงไฮซีซันไตรมาส 3/2557 และมีความเสี่ยงต่ำ ปันผลดี อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มเดินเรือ กลุ่มไอซีที ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แนะเก็งกำไรตามประเด็นข่าวเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ประเมินแนวรับ 1,532 จุด แนวต้าน 1,550-1,552 จุด Tags : กบข. • หุ้นไทย • แมน ชุติชูเดช • ผลตอบแทน • อดิศร โรจนพันธุ์