15 หุ้นเอ็มเอไอ โชว์กำไรไตรมาส 2 ปีนี้ รวมกัน 313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% จากงวดเดียวกันปีที่แล้ว บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ 15 บริษัทที่แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ มีกำไรสุทธิรวมกัน 313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.57% จากงวดเดียวกันปีที่แล้ว 205.57 ล้านบาท โดยบริษัทที่กำไรสุทธิปรับลดลงมากที่สุด คือ บริษัท เออาร์ไอพี (ARIP) ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 7.34 ล้านบาท จากไตรมาส 2 ปีก่อน 7.03 ล้านบาท หรือลดลง 204.41% เนื่องจากรายได้รวมของบริษัทลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน 30.63% จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และภาวะเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมไอทียังคงซบเซาต่อเนื่องมา ทำให้รายได้โฆษณาและกิจกรรมทางการตลาดทั้งภาครัฐและเอกชนลดลง นอกจากนี้ บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป (THANA) เป็นอีกบริษัทที่กำไรไตรมาส 2 ปีนี้ ลดลงมาอยู่ที่ 7.73 ล้านบาท หรือลดลง 62.85% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20.81 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายนี้ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ประมาณ 79.9 ล้านบาท หรือ 29.6% เพราะภาวะหนี้สินต่อครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น นโยบายของสถาบันการเงินในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่วนบริษัทที่มีกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นมากสุดคือบริษัท อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) ซึ่งมีกำไรสุทธิ 52.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3135.63% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1.74 ล้านบาท ขณะที่บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) มีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2 ปีนี้ 40.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 334.27% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 17.36 ล้านบาท และบริษัท สหการประมูล (AUCT) มีกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปีนี้ 42.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 379.98% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.84 ล้านบาท นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจที่มั่นคง บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในอนาคตจะเติบโตอย่างโดดเด่น โดยจะเน้นการขยายธุรกิจออกไปจากเดิมเพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่งของบริษัท ขณะเดียวกัน บริษัทได้เริ่มทยอยรับรู้รายได้ในส่วนของการจำหน่ายอุปกรณ์ และเครื่องมือแพทย์มากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทมีใบอนุญาตนำเข้า และจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์อยู่ที่ 32 ใบอนุญาต สำหรับความคืบหน้าการซื้อหุ้น บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ยังเป็นไปตามขั้นตอนการตรวจสอบฐานะและการชำระเงิน ซึ่งการซื้อหุ้นในครั้งนี้จะช่วยเสริมจุดแข็งของบริษัทให้มีบริการในธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์สุขภาพและความงามครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ เขากล่าวว่า บริษัทยังยืนยันเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ที่ 1,500 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักยังมาจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้นำตลาด และล่าสุดบริษัทได้ซื้อหุ้นของ ของบริษัท แดทโซ เอเชีย คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มควอดราจากประเทศอิตาลี ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ในครึ่งปีหลังให้เติบโตมากยิ่งขึ้น นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหล็กแท่งยาวในปีนี้ยังมีสัญญาณเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ภาคอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวอย่างชัดเจน บริษัทจึงตั้งเป้าหมายปริมาณการขายเหล็กแท่งยาวในปีนี้ไว้ที่ 300,000 - 320,000 ตัน จากปีก่อนที่ทำได้ 280,000 ตัน และจากผลประกอบการในงวดครึ่งปีที่ผ่านมาถือว่าบริษัทสามารถสร้างผลงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้สำหรับธุรกิจเหล็ก ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้เริ่มรับรู้รายได้บางส่วนมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเห็นการรับรู้รายได้เข้ามาอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ สำหรับผลประกอบการประจำงวดไตรมาส 2 ปีนี้ (เม.ย.- มิ.ย.) ว่า บริษัทพลิกจากขาดทุน 17.36 ล้านบาท ไตรมาส 2 ปี 2556 ที่ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท มามีกำไรสุทธิ 40.67 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมในประเทศ จึงส่งผลให้ผลประกอบการในงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 75.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.70 ล้านบาท หรือ 344.28 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 17.05 ล้านบาท Tags : ตลาดหุ้น • เอ็มเอไอ • กำไร