วีจีไอ สบช่องเศรษฐกิจซบ-การเมืองไร้เสถียรภาพ รุกเทคโอเวอร์สื่อนอกบ้านเพิ่ม หวังกินมาร์เก็ตแชร์เกิน 50% ชูจุดแข็งปลอดหนี้ นายกวิน กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกอาคาร โดยเฉพาะในระบบขนส่งมวลชน (mass transit) และสื่อในห้างสรรพสินค้า (In store) กล่าวว่า ในช่วงที่สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจชะลอตัวและการเมืองภายในประเทศไร้เสถียรภาพ บริษัทมองว่าเป็นจังหวะที่จะสามารถขยายการลงทุนได้ ซึ่งอาจสวนทางกับมุมมองคนอื่นที่ไม่กล้าลงทุนเพราะมองสถานการณ์เป็นความเสี่ยง ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัทได้เข้าลงทุนในบริษัท มาสเตอร์ แอด (MACO) ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อภายนอกอาคาร ด้วยการเข้าซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท มาสเตอร์ แอด (MACO) ในสัดส่วน 24.43% ด้วยมูลค่าการลงทุน 661 ล้านบาท คาดการณ์ผลตอบแทนต่อปีที่ 5.6% การเข้าลงทุนในบริษัท มาสเตอร์ แอด (MACO) เป็นเพียงก้าวแรกในการรุกสู่ตลาดสื่อภายนอกอาคาร ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร ซึ่งประกอบธุรกิจสื่อภายนอกอาคารหลายรายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเข้าลงทุนในลักษณะเช่นเดียวกับการลงทุนในบริษัท มาสเตอร์ แอด หรืออาจลงทุนในรูปแบบอื่นๆ แล้วแต่การเจรจา โดยงวดปีงบประมาณปีนี้ (1เม.ย.2557-30 มี.ค.2558) จะมีการซื้อกิจการธุรกิจสื่อภายนอกอาคารมากกว่า 1 บริษัท ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายมาร์เก็ตแชร์ในตลาดสื่อภายนอกอาคารมากกว่า 50% จากปัจจุบันที่บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ประมาณ 38% ซึ่งนับรวมกับมาร์เก็ตแชร์ของบริษัท มาสเตอร์ แอดแล้ว "บางคนอาจมองเศรษฐกิจไม่ดี พวกเอาท์ ออฟ โฮมมีเดียก็ไม่ดีไปด้วย เพราะการใช้สื่อโฆษณาจะได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะในช่วงนี้ตอนนี้ยังมีปัญหาเรื่องการเมืองอยู่ และจะจบเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครตอบได้ แต่เชื่อว่าเป็นจังหวะที่ดีของบริษัทในการเข้าเทคโอเวอร์ และเมื่อการเมืองจบ เม็ดเงินซื้อสื่อโฆษณาที่เคยชะลอไป หรือที่อั้นไว้ก็จะกลับมาและบริษัทก็จะได้ยอดขายเพิ่ม" สาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทกล้าลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีและการเมืองไม่แน่นอนเช่นนี้ เป็นเพราะบริษัทปลอดหนี้ และใช้เงินสดในการลงทุน ซึ่งเป็นผลมาจากบทเรียนการทำธุรกิจในอดีต ปัจจุบันบริษัทไม่มีหนี้และยังมีวงเงินกู้ในธนาคาร แต่บริษัทไม่ต้องการกู้เงินมาเพื่อลงทุน เพราะต้องการให้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานที่แท้จริง ไม่ใช่กำไรจากตัวเลขทางบัญชี อย่างไรก็ตาม ในการลงทุนก็ต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง ไม่ลงทุนมากไปจนเกินตัว และไม่ลงทุนในสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนไม่คุ้มค่า ปัจจุบัน บริษัทมีเงินสดจากการดำเนินกิจการอยู่ราว 400 ล้านบาท หลังจากที่ทำรายการซื้อหุ้นบริษัท มาสเตอร์ แอด เมื่อกลางเดือนพ.ค.2557 นอกจากนี้บริษัทได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ จำนวน 857 ล้านยูนิต จัดสรรสำหรับผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 4 หุ้นเดิม ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ อายุ 4 ปี ราคาแปลงสิทธิ 14 บาท โดยกำหนดแปลงสิทธิทุกๆ ไตรมาส จะส่งผลให้บริษัทมีเงินจากการแปลงใบสำคัญแสดงสิทธิประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี ในระยะเวลา 4 ปี บริษัทสามารถนำเงินนี้มาลงทุนเพื่อขยายธุรกิจได้ สำหรับปี 2557 บริษัทจัดสรรงบลงทุนปกติไว้ 600 ล้านบาท และยังมีงบสำหรับการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในสื่อเดิมให้เป็นสื่อใหม่ นายกวิน กล่าวว่า บริษัทคาดการณ์รายได้รวมงวดปี 2557/2558 จะเติบโต 13-17% และแม้ว่าปัญหาด้านการเมืองจะไม่สามารถหาทางออกได้ภายใน 2 เดือน ก็เชื่อว่ารายได้รวมจะพลาดเป้าหมายไม่มากนัก อาจจะลดลงบ้างแต่ก็ลดลงตามภาพรวมของเม็ดเงินโฆษณาที่ลดลงทั้งอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ข้อมูลของบริษัท เดอะนีลเส็น ระบุว่าตลาดสื่อโฆษณานอกบ้าน (Out-Of-Home) มีมูลค่าตลาดในปี 2556 รวม 10,287 ล้านบาท ประกอบด้วย สื่อกลางแจ้ง (Outdoor Media) มูลค่าตลาด 4,167 ล้านบาท, สื่อระบบขนส่งมวลชน มูลค่าตลาด 3,528 ล้านบาท และสื่อในห้างสรรพสินค้า มูลค่าตลาด 2,486 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทยอมรับว่า สภาพคล่องหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นเพราะผู้ถือหุ้นใหญ่ คือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ซึ่งถือหุ้น 60.3% ไม่มีนโยบายลดสัดส่วนการถือหุ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนแก้ปัญหาสภาพคล่องต่ำ เพราะประเมินว่าสภาพคล่องหุ้นสอดคล้องกับมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันของตลาดหลักทรัพย์ ที่ 2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ หากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน บริษัทจะพิจารณาปัญหาสภาพคล่องหุ้นต่ำอีกครั้ง Tags : กวิน กาญจนพาสน์ • วีจีไอ • เทคโอเวอร์ • การเมือง