ธนชาตจับตาธุรกิจบัตรเครดิต หลังยอดรูดบัตรเพิ่มขึ้น 10% สวนกระแสเศรษฐกิจซบ ขณะที่คุณภาพหนี้ยังปกติไร้สัญญาณผิดนัดเพิ่ม-เอ็นพีแอลทรงตัว นายปริญญา จินันทุยา ผู้อำนวยการกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างเฝ้าระวังธุรกิจบัตรเครดิต เนื่องจากเห็นแนวโน้มว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ทั้งที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยชะลอตัวเพราะแรงกดดันจากปัญหาทางการเมืองทำให้การบริโภคของประชาชนลดลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการบัตรเครดิตหลายแห่งมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของลูกค้าปรับลดลง โดยภาพรวมตลาดบัตรเครดิตมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตเพียง 4-5% แต่ในส่วนของธนาคารมีการเพิ่มขึ้นถึง 10% ทั้งนี้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เพิ่มขึ้นกระจายอยู่ในทุก ๆ หมวด ทั้งการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือเติมน้ำมัน รวมถึงการกดเงินสดผ่านบัตรก็เพิ่มขึ้นในระดับ 2% ด้วยเช่นกัน โดยในเบื้องต้นคาดหวังว่าจะเป็นผลมาจากการทำการตลาดบัตรเครดิตของธนาคารในช่วงที่ครบรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ควบรวมกับธนาคารนครหลวงไทยและนำธุรกิจบัตรเครดิตเข้ามาในธนาคาร นอกจากนี้ที่ผ่านมาธนาคารได้เพิ่มวงเงินให้ลูกค้าและได้เข้าไปกระตุ้นลูกค้าบัตรเครดิตที่ไม่มียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรนานเกิน 10 เดือน ทำให้มียอดการใช้จ่ายจากลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นด้วย ปัจจุบันยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในขณะนี้อยู่ที่ 8,000 ล้านบาทต่อเดือน อย่างไรก็ตามในแง่ของคุณภาพหนี้ของลูกค้าบัตรเครดิตยังอยู่ในระดับปกติและยังไม่เห็นสัญญาณการค้างชำระเพิ่มขึ้นอย่างที่กังวล โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลยังอยู่ในระดับต่ำกว่าระบบหรืออยู่ที่ 3-4% “เรากำลังศึกษาพฤติกรรมลูกค้าอยู่ว่าการใช้จ่ายที่ปูดขึ้นมาในไตรมาสแรกเกิดจากอะไร เพราะเหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องจับตา ก็คาดหวังว่าจะเป็นผลจากการอัดแคมเปญการตลาด ซึ่งในระยะหลังลูกค้าจะมีบัตรหลายใบและเลือกใช้ตามโปรโมชั่น ดังนั้นเราคงต้องออกแคมเปญให้ต่อเนื่อง”นายปริญญากล่าว ในส่วนของฐานบัตรเครดิตนั้นปัจจุบันธนาคารมีบัตรเครดิตอยู่ 7 แสนบัตร ส่วนใหญ่อยู่ในบัตรเครดิต ธนชาต ไดร์ฟ กว่า 4 แสนบัตร บัตรไลฟ์ ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าเพิ่มฐานบัตรอีก 2 แสนบัตร แต่เมื่อหักยอดบัตรที่ถูกปิดระหว่างปีแล้ว คาดว่าในสิ้นปีนี้ธนาคารจะมีฐานบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นเป็น 8 แสนบัตร โดยนโยบายในการขยายฐานบัตรจะเน้นปรับปรุงรูปแบบบัตรเดิมที่มีอยู่แล้วมากกว่าการออกบัตรรูปแบบใหม่ สำหรับกลุ่มลูกค้าจะเน้นผู้ที่มีรายได้ 3-5 หมื่นบาทต่อเดือนเป็นหลัก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ให้ธนาคาร เพราะมีการผ่อนชำระพอสมควร ทางด้านนายไพโรจน์ ชื่นครุฑ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอลออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ "กรุงศรี ออโต้" กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจและการเมืองที่ชะลอตัวทำให้ค่ายรถยนต์ได้จัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายรถใหม่ต่อเนื่อง ทำให้ตลาดรถยนต์มือ2ยังต้องตกอยู่ในภาวะซบเซาไปอีกระยะหนึ่งและคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ประมาณไตรมาส 4 ปีนี้จากเดิมที่คาดว่าตลาดรถยนต์มือ 2ว่าจะสามารถฟื้นตัวในไตรมาส 2 ของปี ในส่วนของกรุงศรีออโต้ยืนยันไม่ได้หยุดทำตลาดสินเชื่อรถยนต์มือ 2 ขณะเดียวกันได้เพิ่มน้ำหนักของสินเชื่อรถยนต์มือ2 อีกด้วยโดยได้ปรับสัดส่วนของพอร์ตสินเชื่อรถใหม่จาก 55% เหลือ 50%และเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อรถมือ 2 และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถอยู่ที่ 50%จากเดิมอยู่ที่ 45% ของพอร์ตสินเชื่อใหม่ เนื่องจากรถมือสองยังสร้างกำไรได้มากกว่ารถใหม่ ขณะที่คุณภาพหนี้ยังอยู่ในระดับที่รับได้และยังไม่มีสัญญาณที่น่ากังวล ส่วนสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ยังได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่มีความต้องการเงินทุนหมุนเวียน นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างจัดทำแผนงานใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อเสนอให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือบริษัท มิตซูมิชิ ยูเอฟเจไฟแนนเชียล กรุ๊ปพิจารณาและหาจุดแข็งในการรุกตลาดเช่าซื้อ "ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ไว้ 127,000 ล้านบาทจากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 120,000 ล้านบาท เติบโต 6-7% ขณะที่ตลาดติดลบ 25% เนื่องจากเราต้องการมุ่งเน้นรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ ส่วนการทำตลาดจะแยกประเภทกลุ่มลูกค้าให้ชัดเจนโดยเฉพาะลูกค้าใหม่จะมีความระมัดระวังมากขึ้นแม้ว่าเอ็นพีแอลยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 2%เนื่องจากเน้นคุณภาพสินเชื่อเป็นหลัก ส่วนเรื่องความสามารถชำระหนี้ของลูกหนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดีเพราะมีทีมบริหารความเสี่ยงติดตามดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด"นายไพโรจน์ กล่าว Tags : ธนชาต • บัตรเครดิต • หนี้เสีย