บริษัทจดทะเบียนกำไรไตรมาสแรก 2.19 แสนล้านบาท ลดลง 11% กลุ่มขนส่ง รับเหมา และยานยนต์ทรุดหนักสุด สมาคมบล.ชี้สถานการณ์ไม่น่าห่วง นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส และนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า จากการรวบรวมผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2557 ซึ่งรายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)กว่า 80% ของบจ.ทั้งหมด พบว่า กำไรสุทธิลดลงประมาณ 8% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบจากไตรมาส 4 ปี 2556 พบว่ากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 34% เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา กำไรบจ.ออกมาแย่มาก ผลจากกลุ่มพลังงาน โรงกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมี ออกมาไม่ดี ซึ่งกลุ่มนี้มีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก "ผลประกอบการในไตรมาส 1 ส่วนใหญ่ออกมาไม่ดีแทบทุกกลุ่ม แต่ไม่ถึงขั้นน่ากังวล เพราะส่วนใหญ่ยังมีกำไร นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว บจ.มีกำไรรวมสูงมาก และเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี จึงเป็นเรื่องปกติที่ในปีนี้กำไรจะลดลง จากผลกระทบของปัญหาทางการเมือง และเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว" เธอกล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่าจะยังคงออกมาไม่ค่อยดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ฐานยังสูงอยู่ แต่ก็จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น และฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ที่ปีก่อนหน้ามีฐานค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมแล้ว บรรดานักวิเคราะห์ไม่น่าจะมีการเพิ่มเป้ากำไรบจ.ในปีนี้ขึ้น สำหรับในส่วนของบล.ดีบีเอสฯยังคงเป้าการเติบโตของกำไรบจ.ปีนี้ไว้ที่ 9% " ในด้านภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย นักลงทุนยังคงกังวลปัญหาทางการเมืองในประเทศอยู่ เพราะขณะนี้ถือว่าประเทศได้หยุดชะงักลง หากมีรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใด มาทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ หรือมีการเริ่มกระบวนการที่จะนำไปสู่ทางออก ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ นักลงทุนก็คงมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้น" นักวิเคราะห์จากบล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ในงวดไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทจดทะเบียน (บจ.)มีกำไรสุทธิรวมประมาณ 2.19 แสนล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.47 แสนล้านบาท หรือลดลง 11.6% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการปรับลดลงของกำไรเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมากที่สุด คือกลุ่มขนส่ง กำไรลดลง 81% รองลงมาคือกลุ่ม รับเหมาก่อสร้าง กำไรลดลง 68% กลุ่มยานยนต์ลดลง 56% กลุ่มท่องเที่ยว ลดลง 51% กลุ่มปิโตรเคมีกำไรลดลง 45% กลุ่มพลังงานกำไรลดลง 24% กลุ่มการเกษตรลดลง 24% กลุ่มค้าปลีก ลดลง 13% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลดลง 12% ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสูงที่สุด คือกลุ่มสื่อสาร เพิ่มขึ้น 106% รองลงมาคือกลุ่ม ชิ้นส่วน 99% กลุ่มอาหาร 21% กลุ่มการแพทย์ 7% และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง 6% ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2557 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ลง จากเดิม 3.4% สะท้อนการตั้งสำรองฯ ที่คาดว่าจะสูงขึ้นในงวดไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งน่าจะทำให้กำไรตลาดหายไปประมาณ 0.7 บาทต่อหุ้น และปรับลดกำไรของกลุ่มพลังงานลงจากเดิม 3% ซึ่งน่าจะทำให้กำไรตลาด หายไปประมาณ 0.8 บาทต่อหุ้น ดังนั้นหลังการรายงานงบในช่วงไตรมาส 1 เสร็จสิ้นลง ฝ่ายวิจัยอาจจะปรับลดประมาณการกำไรตลาดรวมลง จากเดิม 8.82 แสนล้านบาท หรือ 100.96 บาทต่อหุ้น ลงมาประมาณ 2-3% ส่งผลให้กำไรตลาด ณ สิ้นปี 2557 ลดลงมาอยู่ที่ 98.94 -97.93 บาท และทำให้ดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2557 ลดลงเหลือ 1,437 จุด หรือ 1,420 จุด Tags : ภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ • กำไร • บจ.