"คันทรี่กรุ๊ป" เล็งรุกลูกค้าสถาบันทั้งใน-ต่างประเทศ พร้อมดันโฮลดิ้งเข้าเทรดในตลาดหุ้นเดือนต.ค.นี้ นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทมีแผนเน้นลูกค้าสถาบันทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น วางเป้าภายใน 3 ปีจะมีสัดส่วนลูกค้าสถาบันทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเป็น 20% จากปัจจุบันที่ไม่ถึง 1% เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์ที่ผันผวนตามบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น เบื้องต้นบริษัทจะเปิดบัญชีลงทุนกับโบรกเกอร์ต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นช่องทางให้กองทุนในไทยใช้ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ และยังเป็นการเปิดทางให้กองทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยผ่านบริษัท หากประสบความสำเร็จเชื่อว่าสัดส่วนลูกค้าสถาบันจะเพิ่มขึ้น ปีนี้บริษัทลดเป้าส่วนแบ่งการตลาดเหลือ 3% จากเดิม 3.5% ปัจจุบันเฉลี่ย 2.8-3% เพราะต้นปีที่ผ่านมาได้ปรับโครงสร้างบริษัท "ต้นปีที่ผ่านมาวอลุ่มอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน ปัจจุบันอยู่ที่ 2.6-2.7 หมื่นล้านบาทต่อวัน ซึ่งกระทบต่อรายได้บริษัท และยังได้รับผลกระทบจากการย้ายทีมมาร์เก็ตติ้ง ทำให้มาร์เก็ตแชร์ลดลงมาอยู่ที่ 2.8% แต่ทั้งปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3% เน้นลูกค้ารายใหญ่อาทิ ธนาคาร และกำลังทำตลาดรายย่อยอยู่" การปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้ง คอมพานี ตามมติผู้ถือหุ้น ขณะนี้กำลังดำเนินการในขั้นตอนการโอนกิจการ คาดคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้ง จะเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในเดือนต.ค.นี้ ส่วนหุ้นของ บล.คันทรี่กรุ๊ป (CGS) จะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในเวลาเดียวกัน ด้านนายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า จากการสำรวจบัญชีลงทุนลูกค้ารายบุคคลที่มีการซื้อขาย หรือแอคทีฟกว่า 5 หมื่นบัญชีช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า ลูกค้า 70% มีกำไร และอีก 30% ขาดทุน เมื่อดูข้อมูลการซื้อขายต่อรอบพบว่า ลูกค้ามีโอกาสในการทำกำไร 65% ของการซื้อขาย โดยมีอัตรากำไรเฉลี่ย 6.6% ขณะที่มีอัตราการขาดทุนเฉลี่ย 3.6% เมื่อหักกำไรและขาดทุนแล้ว โดยภาพรวมจะกำไรเฉลี่ย 3% ต่อการซื้อขาย 1 รอบ การให้คำแนะนำนักลงทุน จะแนะนำจากข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ผลการลงทุนส่วนบุคคลสำหรับลูกค้า บัวหลวง ไอ แทรคเกอร์ จะแสดงข้อมูลสรุปผลตอบแทนจากการลงทุนในแต่ละบัญชี เปรียบเทียบผลตอบแทนตลาดหลักทรัพย์ ประมูลโอกาสในการชนะหรือแพ้ เป็นต้น หลังจากบริษัทเปิดใช้ระบบนี้เมื่อต้นเดือน มิ.ย. พบว่ามีลูกค้าใช้ระบบนี้แล้วกว่า 3.5 หมื่นบัญชี จากต้นปีถึงปัจจุบัน มีนักลงทุนรายใหม่มาเปิดบัญชีกับบริษัทต่อเนื่อง ล่าสุดมีบัญชีใหม่แล้ว 2 หมื่นบัญชี ทำให้บัญชีโดยรวมบริษัทอยู่ที่ 1.2 แสนบัญชี คิดเป็น 11.5% ของจำนวนบัญชีการซื้อขายทั้งตลาดที่มีอยู่กว่า 1 ล้านบัญชีแล้ว เป็นบัญชีแอคทีฟ 5 หมื่นบัญขี จากบัญชีแอคทีฟทั้งตลาดอยู่ที่ 3 แสนบัญชี โดยบัญชีที่เปิดใหม่มีทั้งที่ยังไม่เคยเปิดบัญชีที่ใดมาก่อน และลูกค้าที่มีบัญชีที่โบรกอื่นอยู่แล้ว แต่มาเปิดที่บัวหลวงเพิ่ม ซึ่งในกลุ่มนี้ จากผลการสำรวจพบว่าเหตุผลที่ลูกค้ามาเปิดบัญชี เพราะบริษัทมีเครื่องมือวิเคราะห์ผลตอบแทนการลงทุน บัวหลวง ไอ แทรคเกอร์ คิดเป็นสัดส่วนถึง 40% Tags : ชนะชัย จุลจิราภรณ์ • คันทรี่ กรุ๊ป • ตลาดหุ้น • โฮลดิ้ง