4บริษัทจดทะเบียนค้าปลีก โชว์กำไรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแม็คโคร ครึ่งปีกำไรโต 18% เหตุยอดขายสูงขึ้น-คุมต้นทุน รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า 4 บริษัทในกลุ่มค้าปลีกรายงานกำไรพบว่า กำไรงวดครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นทุกบริษัท ยกเว้น บริษัท ซีพีออลล์ แม้ครึ่งปีแรกโชว์กำไรสุทธิ 4,950.56 ล้านบาท แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 5,834.95 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลง 15% ส่วนบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 3,145.43 ล้านบาท ส่วนช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 2,966.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ด้านโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ มีกำไรสุทธิ 1,518.50 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,421.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% ส่วนบริษัท สยามแม็คโคร (MAKRO) ไตรมาส 2 ปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1,051.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 959.21 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 2,322.31 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,968.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% สาเหตุเพราะบริษัทมียอดขายสูงขึ้น และควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ คณะกรรมการได้อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล งวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2557 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2557 ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 18 ส.ค. 2557 วันที่จ่ายปันผล 4 ก.ย. 2557 รวมถึงคณะกรรมการอนุมัติ ซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจาก บริษัท ซีพี ออลล์ ในราคา 470 ล้านบาท และให้บริษัทลงทุนก่อสร้างเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ โดยมีมูลค่าเงินลงทุน 791.80 ล้านบาท มูลค่าลงทุนรวม 1,261.8 ล้านบาท ทั้งนี้ที่ดินดังกล่าวถือเป็นรายการเกี่ยวโยงกัน ที่ต้องได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น โดยกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 26 ก.ย.นี้ นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานบริหารการเงิน บริษัทสยามแม็คโคร กล่าวว่า รายได้ไตรมาส 2 ปีนี้ มีรายได้รวม 3.49 หมื่นล้นบาทเติบโต 10.6%จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ผลจากยอดขายแม็คโครสาขาเดิม และยอดขายจาก 7 สาขาใหม่เติบโต ซึ่งสิ้นไตรมาส 2 ปีนี้ จะมี 68 สาขา จาก 61 สาขาในไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากลุ่มสินค้าประเภทอาหาร ในระหว่างไตรมาสนี้ บริษัทเปิดใหม่ 2 สาขา ได้แก่ พัทยาเหนือ และแม่สาย ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 6% โดยมีค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น 7.3% เป็นผลจากการขยายสาขา และค่าใช้จ่ายเตรียมบุคลากร สำหรับสาขาใหม่ค่าใช้จ่ายในการบริหารไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 1.2% เป็นผลจากการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เพื่อสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่มีอัตราเติบโตชะลอตัวลงไตรมาสนี้ ขณะที่บริษัทมีกำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เท่า 1.33 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนในอัตรา 9.7%ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น และการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้เท่ากับ 1.05 พันล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 9.6% สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นล่าสุดปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 41.50 บาท และมาปิดตลาดที่ราคา 41.00 บาท นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีกล่าวว่าภาพรมผลประกอบการปี 2557-2558 ของบริษัทสยามแม็คโคร คาดจะเติบโตเฉลี่ยกว่า 26% ต่อปี และอัตราผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้นสูงถึง 44% ประกอบกับมีอัพไซด์จากแผนขยายสาขาเชิงรุก และได้ประโยชน์จากการร่วมธุรกิจกันกับบริษัทซีพี ออลล์ แม้ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ 29 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลังของหุ้นสามปี แต่ใกล้เต็มมูลค่าเมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐานและหุ้นแม็คโครมีสภาพคล่องต่ำ (Free Float 2.12%) ภายหลังการเข้าซื้อโดย บริษัทซีพีออลล์ ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ผลตอบแทนเงินปันผลที่ระดับ 3-4% ต่อปี สูงสุดในกลุ่มจึงเหมาะถือเพื่อลงทุนระยะยาว Tags : ตลาดหลักทรัพย์ • ค้าปลีก • กำไร • แม็คโคร