นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด ยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุดผ่านนายสมเกียรติ คุววัฒนานนท์ รองเลขานุการอัยการสูงสุด เพื่อร้องขอความเป็นธรรมหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง กล่าวว่า ประเด็นหลักที่ยื่นขอความเป็นธรรมใน 2 เรื่อง คือ เห็นว่าสำนวนที่มีการชี้มูลมีข้อไม่สมบูรณ์ ซึ่งการกล่าวหาว่ามีการทุจริตในทุกขั้นตอนนั้น ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเกิดการทุจริตในที่ใดบ้าง และตามรายงานการตรวจสอบของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พบว่าข้าวหายและเสื่อมสภาพไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ขัดแย้งกับสำนวนของ ป.ป.ช. อีกทั้งการอ้างความเสียหายจากอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ไม่มีความสมบูรณ์ เนื่องจากยังมีสตอกข้าวที่ยังไม่ได้บันทึกถึง 2.977 ล้านตัน "ข้อเรียกร้องยังมีการขอให้สืบพยานเพิ่มเติม ทั้งบุคคลที่เคยให้การต่อ ป.ป.ช.ไปแล้ว บุคคลที่เคยร้องขอให้สอบพยาน และอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องทั้ง 14 ชุด รวมกว่า 50 ปาก ยืนยันว่าการร้องขอความเป็นธรรมในวันนี้ ไม่ได้เป็นการยื้อเวลา แต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่กฎหมายรองรับไว้ ซึ่งอัยการสูงสุดควรพิจารณาอย่างรอบครอบ พร้อมขอให้พรรคประชาธิปัตย์ยุติการโจมตีโครงการรับจำนำข้าว เพราะจะทำให้ชื่อเสียงข้าวไทยเสียหาย ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะกลับมาในวันที่ 10 สิงหาคมนี้หรือไม่นั้น ไม่มีข้อมูล เพราะไม่ได้ดูแลในส่วนนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฝากเพียงว่าพร้อมต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม" นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง กล่าว.