ประธานตลาดเตรียมเสนอรัฐบาล ปรับกฎเกณฑ์แก้ภาษีควบรวมกิจการ หวังตั้งรับประชาคมอาเซียน นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าตลาดหลักทรัพย์ เตรียมจะเสนอกับรัฐบาลชุดใหม่ในการแก้ไขภาษีในการควบรวมกิจการ เพื่อกระตุ้นเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับบริษัทจดทะเบียนไทยในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 "บริษัทจดทะเบียนต้องมีความเข้มแข็งมากขึ้น เมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งการควบรวมกิจการจะทำให้บริษัทเรามีขนาดใหญ่ขึ้นและความเข้มแข็ง สามารถต่อสู้กับประเทศเพื่อนบ้านได้ อีกทั้งทำให้เราเป็นเป้าหมายของการระดมทุนของภูมิภาคอาเซียนมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น" เขากล่าวว่า นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ ยังต้องการให้บริษัทต่างชาติเข้ามาจดทะเบียนตลาดทุนไทยได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านเกณฑ์โฮลดิ้งคอมพานี ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าว อยู่ระหว่างการรับความคิดเห็นของภาคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่เพื่อให้บริษัทต่างประเทศ สามารถระดมทุนผ่านตลาดหุ้นไทยได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ขณะนี้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นต่อแนวทางการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และมีความคาดหวังว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 2/2557 จะออกมาเติบโตตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว สะท้อนให้เห็นจากการที่นักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นออกไปในสัปดาห์ก่อนได้กลับเข้ามาซื้อสุทธิอีกครั้ง นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดได้เข้าหารือกับอธิบดีกรมสรรพากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับเกณฑ์ภาษีต่างๆ ที่เอื้อกับตลาดทุน ที่ปัจจุบันค้างอยู่ในรัฐสภาตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อนให้สามารถเดินหน้าได้อีกครั้ง เพื่อสนับสนุนการเติบโตของตลาดทุน ให้มีมาตรฐานสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้ นายชนิตร ชาญชัยณรงค์รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่าเกณฑ์การให้บริษัทต่างชาติเข้ามาจดทะเบียนตลาดทุนไทยได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านเกณฑ์โฮลดิ้ง คอมพานี นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และคาดว่าจะสามารถมีผลใช้บังคับได้ในช่วงเดือนก.ย.นี้ ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวเป็นเพียงตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้บริษัทต่างประเทศสามารถมาระดมทุนผ่านตลาดหุ้นไทยได้สะดวกมากขึ้น เขากล่าวว่า ที่ผ่านมาตลาดพยายามที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นศูนย์กลางการระดมทุนของภูมิภาค โดยเริ่มจากการออกเกณฑ์โฮลดิ้ง คอมพานี และมีบริษัท ซีเคพาวเวอร์ บริษัทลูกของบริษัท ช.การช่าง ที่ทำธุรกิจพลังงาน ในประเทศ ลาว ที่เข้าจดทะเบียนตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวผลปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดี สามารถระดมทุนได้อย่างคุ้มค่า และในอนาคตจะมีอีกหลายบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน ทั้งบริษัท อมตะ วีเอ็น บริษัทลูกของ บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชัน ที่ดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม รวมไปถึง บริษัทบริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ หรือ พีเอ็มทีเอ บริษัทลูกของบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ หรือทีทีเอ ซึ่งมีธุรกิจหลักคือธุรกิจปุ๋ยในเวียดนามจะเข้ามาช่วยสร้างความคึกคักให้ตลาดหุ้นอย่างมาก ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยถือว่ามีความน่าสนใจในการระดมทุนอย่างมาก หลายบริษัทจดทะเบียนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นต่างประเทศ อย่างตลาดหุ้นสิงคโปร์ เริ่มยกเลิกการจดทะเบียนและมีความต้องการจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เพราะปัจจุบันการระดมทุนในตลาดหุ้นไทยมีความคุ้มค่ามากกว่า มีสภาพคล่องที่สูงกว่า มีบริษัทเข้าระดมทุนมากกว่า ต่างจากตลาดหุ้นสิงคโปร์ที่มีจุดเด่นเพียงเรื่องมูลค่าหลักทรัพย์ แต่สภาพคล่องเริ่มกลับลดลง และจากการพูดคุยกับนักลงทุนต่างชาติ พวกเขาเริ่มมั่นใจในสถานการณ์ประเทศไทยมากขึ้น และมีมุมมองที่เปลี่ยนไปจากก่อนหน้าที่เราไม่มีรัฐบาล นักลงทุนต่างชาติจะกังวลในเรื่องอนาคตของประเทศไทยจะไปทางไหน แต่เมื่อมีรัฐบาลแล้วคำถามพวกนี้หายไป ประกอบกับทิศทางดอกเบี้ยไทยยังสวนทางกับต่างประเทศ ทำให้เงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าตลาดพันธบัตร รวมถึงตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น ส่วนทิศทางในอนาคตนั้นเชื่อว่าการที่ตลท.จะจัดงานไทยแลนด์โฟกัสในช่วงเดือนส.ค.จะเป็นจุดสำคัญว่านักลงทุนต่างชาติจะมีมุมมองกับเราอย่างไร ซึ่งหลังจากเรามีรัฐบาลและเริ่มมีโครงการขับเคลื่อนออกมา ทำให้เงินทุนต่างชาติยังน่าจะไหลเข้าประเทศไทยต่อเนื่อง ทั้งนี้หลังจากการจัดงานไทยแลนด์โฟกัสแล้ว ตลท.ยังมีแผนจะออกไปโรดโชว์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในอีก 3 ประเทศ Tags : สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ • ตลาดหุ้น • ภาษี • รัฐบาล