จิ๊บ วสุ เปิดใจรู้จัก จ๊ะจ๋า จากงานดนตรีย้ำไม่มีอะไร ลุยเดินหน้าง้อขอโอกาสกับ หนิม ผลลัพธ์เลิกหรือคบต่อไม่รู้ หลังจากตกเป็นประเด็นเรื่องรักสามเส้าเราสามคนระหว่าง จิ๊บ วสุ และ หนิม คณึงพิมพ์ และมีชื่อของสาว จ๊ะจ๋า เข้ามาแทรกกลาง กลายเป็นฝ่าย หนิม ที่อึดอัดใจลุกขึ้นมาโพสต์ระบายความในใจผ่านทางอินสตาแกรมด้วยข้อความสุดเชือดเฉียน ล่าสุด จิ๊บ วสุ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ที่อีรุงตุงนังแล้ว โดยบอกว่ารู้จัก จ๊ะจ๋า จริงแต่เป็นแค่พี่น้อง ประกาศเดินหน้าง้อ หนิม เต็มที่ เลิกหรือรักต่อไปขอยอมรับการตัดสินใจ ข่าวที่ออกมาดูเหมือนเป็นรักสามเศร้า ? "ผมอยากบอกว่าเป็นเรื่องของความเข้าใจผิดจากการสื่อสารที่ยังไม่ครบถ้วน เพราะยังไม่มีการคิดใตร่ตรองสักนิดนึงก่อนที่จะปรับความเข้าใจ เนื่องจากตัวผมเองก็มีงานพอดี และก็อยากใหัตัวหนิมเขาเย็นลงอีกสักนิดเพื่อที่จะคุยกัน แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นครับ" แต่ที่ผ่านมาฝ่ายเราก็ไม่เคยเปิดเผยว่าคบอยู่กับน้องเขา ? "คือสำหรับผมถ้าใช้คำว่าแฟนมันก็จะเหมือนกับการผูกข้อมือชัดเจนเลยว่าความสัมพันธ์เรามันต้องไปสู่อนาคตที่มันคง แต่เผอิญว่าตัวผมผ่านชีวิตมาระดับนึงแล้ว เคยมีชีวิตคู่มา เคยผิดหวังมา ดังนั้นมันเลยทำให้ผมคิดเยอะ ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนในวงและคนใกล้ตัวผมทราบหมดว่าผมยังไม่มีความมั่นใจ 100% มีความกลัว มีความหวาดระแวงอยู่ตลอดเกี่ยวกับเรื่องความรัก อีกอย่างคือถ้าเราใช้คำว่าแฟนกับเขา แต่สุดท้ายในอนาคตหากมีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็อาจจะทำให้ฝ่ายหญิงดูไม่ดีก็ได้" คิดไหมว่าการที่เราไม่ชัดเจนแบบนี้อาจทำให้ฝ่ายหญิงรู้สึกว่าเราไม่ให้เกียรติเขา ? "ใช่ครับ เพราะเดี๋ยวนี้คนมองว่าถ้าเราไม่พูดคำนี้มันจะเป็นการไม่ให้เกียรติฝ่ายหญิง ซึ่งเรื่องนี้เราเองก็พูดคุยกันมาตลอดเหมือนกัน" อย่างเรื่องที่หลายคนมองว่ามีมือที่3 เข้ามาเกี่ยวอันนี้คือยังไง ? "ผมมองว่าเรื่องมือที่ 3 ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว และทุกครั้งที่เรามีความไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เกิดขึ้นมา เราก็จะพูดคุยกันตลอด" แต่ตอนนี้หลายคนก็โยงไปเรียบร้อยแล้วว่า จ๊ะจ๋า เขามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ? "โอเค เราร่วมงานกัน รู้จักกัน สนิทสนมกัน เพราะจ๊ะจ๋าเขาเป็นพิธีกรในงานดนตรีของวงผม ซึ่งทุกคนในวงรักใครเอ็นดูเขาทั้งหมดเหมือนเป็นน้องสาวคนนึงแค่นั้น ซึ่งเรื่องราวต่าง ๆ มันก็อาจจะเกิดจากการสื่อสารที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดแค่นั้นเอง" สามารถยืนยันได้ไหมว่าเรื่องนี้ไม่มีจ๊ะจ๋าเกี่ยวข้องแน่นอน ? "ไม่มีครับ" แต่ตามที่หนิมเขาบอกมันเหมือนว่าพี่เอาชื่อเขาไปพูดในทางไม่ดี ? "คือในวงผม ผมไม่เคยปิดบังว่าผมมีความรู้สึกไม่มั่นคงเกี่ยวกับสถานะตัวเองว่าโสดรอบสองนี้ จะกลับไปไม่โสดรอบสองอีกหรือไม่ ดังนั้นการที่ผมจะไปประกาศชัดเจนว่าผมจะจับข้อมือกับคนนี้ มันต้องคิดก่อนครับ ซึ่งเรื่องนี้ผมพูดกับคนใกล้ตัวทุกคน เพราะผมยังรู้สึกไม่มั่นใจ มันต้องใช้เวลา" แสดงว่าพี่เองก็ยอมรับว่ามีการเอาเรื่องของหนิมไปพูดกับจ๊ะจ๋า ? "ผมพูดกับทั้งวงเลยครับ เพราะเราคุยกันหลังจากงานคอนเสิร์ต ซึ่งผมเองก็พูดไปตามความรู้สึกของผม" แต่เรื่องนี้ก็ทำให้หนิมเขาน้อยใจมากถึงขั้นขอเลิก ? "ผมก็เข้าใจครับ แต่ว่ามันไม่ได้เป็นคำพูดที่ไม่ดีและมันก็เป็นความจริง ว่าผมไม่กล้าใช้คำว่าแฟนกับใครจริง ๆ" ความสนิทของพี่กับจ๊ะจ๋ามากขนาดไหนถึงทำให้เขาคิดว่าเป็นมือที่3 ? "จ๊ะจ๋าไม่ใช่มือที่3 และผมก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เขาเจอข่าวแบบนี้ แต่ก็ขอยืนยันนะว่าผมกับจ๊ะจ๋ายังคงสนิทกันร่วมงานกันอย่างนี้ต่อไป คงจะไม่ยอมให้สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เรามองหน้ากันไม่ติดหรอกครับ" วันนี้เราตั้งมาง้อเขาโดยเฉพาะเลยหรือเปล่า ? "เอาจริง ๆ ไม่เคยมีความคิดมาก่อนนะครับว่าจะมายืนตรงนี้ แต่ก็ขอส่งสารไปก่อนละกัน พร้อมทั้งเคลียร์ตัวเองและเคลียร์ประเด็นที่เกิดขึ้นด้วยว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่จริง ๆ" ส่วนตัวอยากคบกับหนิมเขาต่อไหม ? "ถ้าหากมีโอกาสสื่อสารกันได้ก็อาจจะมีการสารต่อเกิดขึ้น แต่ถ้าไม่ได้ผมก็จนปัญญาครับ เพราะตอนนี้ผมติดต่อเขาไม่ได้เลย" หลังจากนี้ถ้าได้กลับไปคบกันจะยอมใช้คำว่าแฟนกับเขาไหม ? "จริง ๆ เรื่องนี้ก็ทำให้เรามีปัญหากันตลอดนะ เพราะผมยังมีความกลัว แต่ถ้าถามในเรื่องของความสนิทสนมคุ้นเคย ผมเชื่อว่าคนรอบข้างรู้ครับว่าเราสนิทกัน" สามารถพูดได้ไหมว่าที่ผ่านมามีเขาแค่คนเดียว ? "มีคุณหนิมคนเดียวมาโดยตลอด แต่ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งตัวผมและเขาก็มีคนมาขอศึกษาด้วยกันทั้งคู่ แต่ว่าเราอยู่ด้วยกันเพราะความเข้าใจมาตลอดครับ" คิดว่าตัวเองเป็นคนเจ้าชู้ไหม ? "คือผมมองว่าถ้าเรายังไม่ได้ตกลงปลงใจกับใคร การที่จะพูดคุยกับสุภาพสตรีท่านอื่นมันก็คงเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่เราต้องพูดคุยในเส้นที่มันสมควรแค่นั้นเอง" สุดท้ายเราตั้งใจจะเดินหน้าง้อหนิมเต็มที่ไหม ? "วันนี้ผมก็มายืนอยู่ตรงนี้ตามความต้องการของหนิมแล้ว ผมก็อยากจะบอกว่าถ้าหากมีอะไรที่ทำให้เข้าใจผิดสิ่งที่ดีที่สุดก็คือการหันหน้าพูดคุยกัน การเดินหนีหรือปิดช่องทางการสื่อสารมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น แต่สุดท้ายแล้วถ้าหากผมมีโอกาสได้คุยและผลสรุปของหนิมจะเป็นยังไงนั้นผมก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจของเขา แต่ผมขอให้มีโอกาสพูดคุยก่อน ถ้าหากหนิมตั้งใจจะปฏิเสธไม่อยากเดินต่อผมก็เคารพการตัดสินใจ แต่ถ้าหากคิดว่ายังมีโอกาสพูดคุยกันได้และไปต่อได้ผมก็จะรอโอกาสนั้นครับ ซึ่งอะไรต่าง ๆ ที่ผมเคยทำให้เสียใจผมต้องขอโทษเขาจริง ๆ และก็ต้องขอโทษเพื่อน ๆ เขาทุกคนด้วยครับ"