ญี่ปุ่นหันเหการลงทุนมาสู่เอเชียอาคเนย์หรืออาเซียนมากขึ้น หลังสัมพันธ์จีนเสื่อมถอยตั้งแต่ปี 2555 ประกอบกับต้นทุนแรงงานในจีนสูงขึ้น ขณะจำนวนประชากรในประเทศ ที่สูงอายุและลดลง ทำบริษัทอุปโภคบริโภคแดนปลาดิบ หันเจาะตลาดเอเชียอาคเนย์ หวังจับกลุ่มชนชั้นกลางที่กำลังเติบโต ความสัมพันธ์กับจีนที่เสื่อมทรามมาตั้งแต่ปี 2555 และต้นทุนแรงงานจีนที่สูงขึ้น ทำให้ญี่ปุ่นหันมาเพิ่มการลงทุนเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยไทยเป็นจุดหมายการลงทุนหลักของญี่ปุ่นมานานแล้ว และเม็ดเงินลงทุนก็ไหลไปยังประเทศอื่นเช่นกัน แรงดึงดูดสำคัญสำหรับบริษัทญี่ปุ่นในเอเชียอาคเนย์คือต้นทุนแรงงานที่ต่ำและความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพ การลงทุนของญี่ปุ่นนอกจากเพิ่มขึ้นแล้วยังหลากหลายขึ้นด้วย ไม่ได้เน้นที่การเพิ่มการผลิตภายในเครือข่ายซัพพลายเชนเท่านั้น แต่บริษัทญี่ปุ่นยังลงทุนมากขึ้นในตลาดอุปโภคบริโภคของเอเชียอาคเนย์ เพราะเป็นสิ่งสำคัญในระยะยาวอันจะทำให้บริษัทญี่ปุ่นสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในประเทศเกิดใหม่ได้ด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่ประชากรในญี่ปุ่นสูงวัยและลดจำนวนลง ตลาดเอเชียอาคเนย์จึงเป็นเป้าหมายใหญ่แห่งหนึ่งสำหรับธุรกิจญี่ปุ่น การย้ายการลงทุนจากจีนมาเอเชียอาคเนย์ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลระบุว่าการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นในเอเชียอาคเนย์พุ่งขึ้นเมื่อปีที่แล้ว สูงกว่าการลงทุนในจีนเกือบ 3 เท่า โดยบริษัทญี่ปุ่นลงทุน 2.33 ล้านล้านเยนในสิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามเมื่อปีที่แล้ว เทียบกับเม็ดเงินลงทุนในจีนซึ่งอยู่ที่ 887,000 ล้านเยน ขณะที่เมื่อปี 2555 นั้นการลงทุนในเอเชียอาคเนย์เพิ่มขึ้น 2 เท่า ส่วนการลงทุนในจีนลดลง 18% การสำรวจขององค์การการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นเมื่อเดือนตค.-พย.ปีที่แล้วระบุว่า เงินเดือนเฉลี่ยในจีนสูงกว่าไทยแล้ว ขณะที่ต้นทุนแรงงานในฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซียต่ำกว่าจีน 1 ใน 3 ส่วนค่าแรงในเวียดนามต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง รุกพม่า-ลาวมากขึ้น นอกจากนั้น บริษัทญี่ปุ่นยังเข้าไปลงทุนในพม่าด้วย โดยอิออนเป็นร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่แห่งแรกของญี่ปุ่นที่เข้าไปเปิดสาขาในพม่าหลังจากพม่ามีรัฐบาลพลเรือนเมื่อปี 2554 ด้วยการตั้งสำนักงานตัวแทนเมื่อเดือนมี.ค จากนั้นจะมีการสร้างห้างสรรพสินค้าในเมืองย่างกุ้งภายในปี 2559 นอกจากพม่าแล้ว อิออนยังสร้างห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในกัมพูชาและเปิดบริการไปเมื่อเดือนมิ.ย. ทั้งยังไปเปิดห้างสรรพสินค้าในเมืองโฮจิมินซิตีของเวียดนามโดยมีแผนขยายสาขาให้ได้ 20 แห่งภายในปี 2563 สำหรับการลงทุนของญี่ปุ่นในลาวนั้น ขึ้นถึง 405.7 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน สืบเนื่องต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้่นในจีนและเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในไทยเมื่อปี 2554 ทำให้การลงทุนของญี่ปุ่นกระจายไปยังลาว และทำให้จำนวนบริษัทญี่ปุ่นในลาวเพิ่มเป็น 60 แห่ง นายโมโตโยชิ ซูซูกิ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น คาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าญี่ปุ่นจะขยับขึ้นเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับ 4 ในลาว จากอันดับ 6 ในปัจจุบัน รองจากจีน เวียดนาม และไทย โดยการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นลาวเน้นที่ภาคการผลิต ในส่วนของบริษัทอาหารญี่ปุ่นก็เพิ่มการลงทุนในเอเชียอาคเนย์เช่นกัน หวังรองรับความต้องการที่แข็งแกร่งจากชนชั้นกลางที่เพิ่มจำนวนขึ้นและพร้อมจะจับจ่ายซื้ออาหารราคาแพง Tags : ญี่ปุ่น • แรงงาน • ต้นทุน • เอเชียอาคเนย์ • อาเซียน • การลงทุน