13บจ.รับผลดีงบลงทุน2.4ล้านล้าน

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 1 สิงหาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    โบรกเกอร์ระบุ 13 บจ.ตลาดหุ้นไทยได้รับอานิสงส์จากกรอบลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 8 ปี 2.4 ล้านล้านบาท

    นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต กล่าวว่าการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติกรอบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานปี 2558-2566 มูลค่า 2.4 ล้านล้านบาท เป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งการที่ปรับลดลงของกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากนโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระยะ 8 ปีข้างหน้าที่ได้รับการเห็นชอบจาก คสช.เป็นจังหวะซื้อโดยแบ่งแผนลงทุนเป็น 5 แผน ประกอบด้วย โครงการพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง มูลค่า 6.7 แสนล้านบาท หุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ได้แก่ หุ้นบริษัท ช.การช่าง (CK) หุ้นบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) บริษัทอิตาเลียนไทย (ITD) บริษัทซีฟโก้ (SEAFCO) บริษัทปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) บริษัททีพีไอโพลีน (TPIPL) บริษัทชลบุรีคอนกรีต (CCP)

    โครงการพัฒนาโครงข่ายขนส่งสาธารณะในกทม. มูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท หุ้นที่ได้รับประโยชน์คือหุ้นทักษิณคอนกรีต (SCP) หุ้นบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) หุ้นบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) โครงการพัฒนาทางหลวง 6.4 แสนล้านบาท หุ้นที่ได้รับประโยชน์ได้แก่หุ้นบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) โครงการพัฒนาการขนส่งทางน้ำ มูลค่า 1 แสนล้านบาท ไม่มีข้อมูล และโครงการพัฒนาท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ภูเก็ต เชียงใหม่มูลค่า 89,000 ล้านบาท หุ้นที่ได้รับผลดีคือบริษัทการท่าอากาศยานไทย (AOT)

    นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส กล่าวว่าฝ่ายวิจัยได้แนะนำให้เลือกหุ้นรับเหมาขนาดเล็กที่มีแนวโน้มกำไรโต ซึ่งทิศทางอุตสาหกรรมก่อสร้างกลับมาสดใสอีกครั้ง หนุนหุ้นในกลุ่มให้ปรับตัวขึ้นร้อนแรง โดยหุ้นขนาดกลางที่มีพื้นฐานดียังมี พีอีเรโชต่ำกว่าหุ้นรับเหมาขนาดใหญ่มาก

    "แนวโน้มภาคก่อสร้างสดใส ภาคเอกชนเดินหน้าทันที หลังสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศคลี่คลายลง การลงทุนจากภาคเอกชนโดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมและศูนย์การค้าขนาดใหญ่กลับมาเดินหน้าตามปกติอีกครั้ง "

    เขากล่าวว่า ขณะที่โครงการขนาดใหญ่จากภาครัฐ แม้จะมีการส่งสัญญาณว่า จะเดินหน้าต่อ แต่โครงการต่างๆ ที่อยู่ในกระแสข่าวนั้น ส่วนใหญ่ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการประมูล ซึ่งโดยปกติแล้วขั้นตอนการเปิดประมูลตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการเซ็นสัญญากับผู้ชนะประมูลจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4-6 เดือน จึงเชื่อว่าบริษัทรับเหมาขนาดใหญ่อย่าง หุ้นอิตาเลียนไทย, หุ้นช.การช่าง หุ้นซิโนไทยฯ ที่เข้าประมูลงานภาครัฐ น่าจะเริ่มได้รับประโยชน์ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2558 เป็นต้นไป

    ทั้งนี้พีอีเรโชหุ้นรับเหมาขนาดกลาง ยังต่ำกว่าหุ้นรับเหมาขนาดใหญ่มาก จากความคาดหวังเชิงบวกต่อทิศทางธุรกิจในอนาคต ทำให้ปัจจุบันหุ้นในกลุ่มรับเหมาที่รับงานภาครัฐอย่าง หุ้นไอทีดี, ช.การช่าง, ซิโนไทยฯ และเนาวรัตน์ฯ ซื้อขายกันที่พีอีเรโชสูงกว่า 25 เท่า ขณะที่หุ้นรับเหมาขนาดกลาง อย่าง หุ้นซินเทคฯ (SYNTEC), หุ้นไพลอน (PYLON), หุ้นซีฟโก้ ซึ่งได้รับประโยชน์ เช่นกัน ยังคงซื้อขายกันที่ระดับพีอีเรโช เพียง 11-12 เท่า ทั้งที่เป็นกลุ่มที่ได้รับผลบวกเร็วกว่า จากงานก่อสร้างจากภาคเอกชนที่มีเพิ่มขึ้น และยังมีส่วนได้ประโยชน์จากงานโครงการภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเช่นกัน

    ส่วนบริษัทรับเหมาก่อสร้างงานด้านวิศวกรรมอย่าง หุ้นเอสทีพีไอ,หุ้นโตโยไทยฯ,หุ้นศรีราชาและหุ้นบีเจซี เฮฟวี่ แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับโครงการภาครัฐ เนื่องจากเป็นบริษัทที่รับงานภาคเอกชนทั้ง 100% แต่ก็มีจุดเด่นในเรื่องความมั่นคงของผลประกอบการ และการจ่ายเงินปันผลที่ค่อนข้างสูงเทียบกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างอื่นๆ จึงถือเป็นอีกทางเลือก สำหรับนักลงทุนที่สนใจหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

    นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า บริษัทซิโนไทยฯ มีงานในมือเพิ่มขึ้นจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านได้รับไฟเขียว คสช. ได้อนุมัติแผนโรดแมพการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอายุ 8 ปี มูลค่า 2.4 ล้านล้านบาท สำหรับ 5 โครงการประกอบด้วยรางรถไฟรวมถึงรถไฟรางคู่ 6.7 แสนล้านบาท ระบบขนส่งมวลชน รวมถึงถนนและรถไฟฟ้าใต้ดิน 10 สาย 1.2 ล้านล้านบาท และจัดซื้อรถเอ็นจีวี 3,183 คันมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท เชื่อมต่อภาคการผลิตของไทยกับเออีซี ผ่านทางด่วนและมอเตอร์เวย์ การขนส่งทางน้ำ 1 แสนล้านบาท ท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือปากบารา และการขนส่งในเส้นทางแม่น้ำป่าสักและคลอง ขยายการขนส่งทางอากาศ สนามบินสุวรรณภูมิ, เชียงใหม่และภูเก็ต และการนำสนามบินอู่ตะเภามาใช้ในเชิงพาณิชย์ รถไฟความเร็วสูงถูกเอาออกจากแผนตามคาด กระทรวงคมนาคมเสนอ คสช. ว่ารถไฟรางคู่ 6 โครงการ มูลค่า 1.27 แสนล้านบาท เป็นสิ่งเร่งด่วน และได้เสนอ 2 โครงการใหม่คือ รถไฟรางคู่เชื่อมต่อจีน, ลาว, มาเลเซียและสิงคโปร์ และทางด่วนขนาด 5 เลนได้รวมอยู่ในแผนโรดแมพด้วยผู้รับเหมาและวัสดุก่อสร้างได้ประโยชน์

    ส่วนแผนการลงทุน จะทำให้กลุ่มรับเหมามีงานยุ่งไปอีกอย่างน้อย 8 ปี แม้โครงการต่างๆ จะใช้วัสดุก่อสร้างไม่มาก แต่จะทำให้มีการลงทุนภายในประเทศเพิ่มขึ้น และจะทำให้อำนาจในการต่อรองราคามีเพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่ออัตรากำไรขั้นต้น แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่การก่อสร้างจะเริ่มต้นขึ้นราคาหุ้นลดลงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ แม้จะมีข่าวดี แต่ราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาปรับลดลงจากนักเก็งกำไร แต่จากแนวโน้มที่สดใส

    Tags : โบรกเกอร์ • รับเหมา • วัสดุก่อสร้าง • ผลประกอบการ

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้