คสช. ต่ออายุโครงการรถเมล์รถไฟฟรี อีก 6 เดือน ถึงมกราคม 2558 พร้อมยืดเก็บภาษีน้ำมันดีเซล อีก 1 เดือน พร้อมอนุมัติแผนยุทธศาสตร์ 8 ปี ปรับปรุงคมนาคมทั้งระบบ ปรับลดรถไฟทางคู่ 2 เส้นทางใหม่ จากเดิมเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูง ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้แถลงผลการประชุมของ คสช. ในวันนี้ว่า ที่ประชุมได้มีมติในการเห็นชอบขยายระยะเวลาการให้บริการรถโดยสารประจำทางฟรี และรถไฟฟรีให้กับประชาชนออกไป 6 เดือน โดยให้มีผลในระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม ปี 2557 ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม ปี 2558 เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนให้กับประชาชนในการลดภาระค่าครองชีพ พร้อมกันนี้ ยังอนุมัติการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก 1 เดือนให้ไปสิ้นสุดในวันที่ 31 สิงหาคม ปี 2557 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเพื่อพยุงราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกไว้เท่าเดิม จนกว่าทางกระทรวงพลังงาน จะมีการจัดทำปรับปรุงโครงสร้างแผนพลังงานแล้วเสร็จ คสช.อนุมัติแผนยุทธศาสตร์8ปีแก้คค.ทั้งระบบ นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้อนุมัติให้ทางกระทรวงฯ ดำเนินแผนยุทธศาสตร์ 8 ปี ระหว่างปี 2558-2565 ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ 4 ด้าน 5 แผนงาน ครอบคลุมทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ซึ่งในแผนงานดังกล่าวมีโครงการเร่งด่วนที่เตรียมจะดำเนินการภายใต้ปีงบประมาณ 2557-2558 รวม 4 เรื่อง ได้แก่ การเชื่อมโยงประตูการค้าระหว่างประเทศ อาทิ การปรับปรุงท่าเรือแหลมฉบัง สนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เปิดใช้ได้ในเชิงพาณิชย์ การเชื่อมโยงการค้าชายแดน บริเวณด่านแม่สอด สะเดา ปาดังเบซาร์ มุกดาหาร และด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ การเชื่อมโยงโครงข่ายในเมืองหลัก และการเชื่อมโยงโครงข่ายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ล่าสุดได้มีการอนุมัติรถไฟรางคู่ 5 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางจิระ-ขอนแก่น เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร เส้นทางนครปฐม-หัวหิน เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ และเส้นทางมาบกะเบา-จิระ ระยะทางรวม 887 กิโลเมตร วงเงิน 127,472 ล้านบาท นอกจากนี้ คสช.ได้อนุมัติโครงการเส้นทางรถไฟทางคู่ขนาดราง 1.435 เมตร ใน 2 เส้นทาง คือ หนองคาย-แก่งคอย-มาบตาพุด และเส้นทางเชียงของ-บ้านพาชี ระยะทางรวม 1,392 กิโลเมตร โดยทั้ง 2 เส้นทางเป็นการปรับลดจากเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเดิม แต่หากในอนาคตต้องการที่จะใช้ความเร็วที่เพิ่มสูงขึ้น ก็สามารถกลับไปใช้รางเก่าได้ทันที ซึ่งได้กำหนดกรอบระยะเวลา 30 วัน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม รวมถึงสภาการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ จัดหางบประมาณที่จะใช้ดำเนินโครงการทั้งหมด และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2559