ธนาคารมอร์แกนแสตนเล่ย์ ระบุ มีเงินไหลเข้าช่วงเดือน ก.ค. พุ่งสูงขึ้นถึง 150,000 ล้านบาท ธนาคารมอร์แกนแสตนเล่ย์ ธนาคารชั้นนำของสหรัฐประเมินว่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลัง อานิสงค์จากเงินทุนไหลเข้าโดยในเดือน กรกฎาคมนี้ ปรากฎว่า มีเงินไหลเข้า เดือนกรกฎาคม พุ่งสูงขึ้นถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาน 150,000 ล้านบาท เนื่องจากการลงทุนใน พันธบัตร และตลาดหุ้น ของกองทุนต่างชาติ นอกเหนือจากนี้สถาณการณ์การเมืองไทยก็มีเสถียรภาพมากขึ้น หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช เข้ามาบริหารประเทศได้ 2 เดือน และได้อนุมัตโครงการลงทุนผ่านทาง บีโอไอ มูลค่ารวมถึง 120,000 ล้านบาท โดยอัตตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์สหรัฐล่าสุดอยู่ที่ 31.81 บาทต่อดอลลาร์ สำหรับดุลการค้าของไทยขณะนี้เฉลี่ยเดือนละ 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน โดยการนำเข้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นใน ช้วงครึ่งปีหลังเนื่องจากเศษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและมีโครงการลงทุนเดินหน้าหลังจากชะลอตัวในช่วงก่อนหน้านี้ มอร์แกน สแตนเลย์ ระบุว่า ถ้าการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็อาจทำให้ค่าเงินบาทชะลอการแข็งค่าขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจากว่าการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนกำลังเดินหน้า หลังจากที่มีความล่าช้าในช่วงที่ประเทศไทยเกิดวิกฤติทางการเมืองดังนั้นการนำเข้าสินค้าทุน เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานและการก่อสร้างโรงงาน ก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ต่างชาติคาดว่าเงินทุนจะไหลออกจากไทยหลังการปฎิวัติเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่สถานการณ์กลับพลิกกลับ เนื่องจากนโยบายของ คสช.ทางด้านเศรษฐกิจมีความชัดเจนและการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น ดังนั้น นักลงทุนต่างชาติก็หันมาลงทุนในตราสารหนี้ และหุ้นไทย ซึ่งได้ปรับตัวสูงขึ้นถึง 25% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา Tags : ธนาคารมอร์แกนแสตนเล่ย์ • เงินไหลเข้า • กรกฎาคม • คสช. • เศรษฐกิจ