ปมทุจริต ชนักปักหลังพี่น้อง ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ทัวร์ยุโรป ลุ้นกลับ-ไม่กลับ ?

ชะตากรรมของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" หลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 กับชะตากรรมของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มีสภาพไม่ต่างกันเพราะหลังกระเด็นพ้นเก้าอี้นายกฯ ด้วยการรัฐประหาร 2 พี่น้องตระกูลชินวัตร "ยิ่งลักษณ์-พ.ต.ท.ทักษิณ" กลับต้องมีคดีความติดตัว

หากผิดกันตรงที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ตั้งขึ้นโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มอบอำนาจให้ คตส.ใช้อำนาจตรวจสอบทุจริตแทน ป.ป.ช.

โดย คตส.ได้ดำเนินการไต่สวนคดีทุจริตในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จน "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาทุจริตหลายสิบคดี กระทั่ง คตส.ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด และถึงมือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาชี้ขาด

แต่ระหว่างที่คดีความอยู่ในศาลฎีกานั้น "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อาศัยจังหวะการที่ประเทศจีนในฐานะเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเชิญไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" กับ "คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์" ภริยา จึงยื่นคำร้องต่อศาลขอเดินทางออกนอกประเทศ

"จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2551 ขอเดินทางออกนอกประเทศ โดยจำเลยที่ 1 (พ.ต.ท.ทักษิณ) จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นและจีนระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม-10 สิงหาคม และจะเดินทางไปอังกฤษระหว่างวันที่ 15-20 สิงหาคม โดยจำเลยที่ 2 (คุณหญิงพจมาน) จะเดินทางไปประเทศจีนวันที่ 5-10 สิงหาคม และไปประเทศอังกฤษวันที่ 15-20 สิงหาคม องค์คณะพิจารณาคำร้องและเหตุผลของจำเลยทั้งสองแล้วอนุญาตให้จำเลยที่ 1 เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นและจีน และให้จำเลยที่ 2 เดินทางไปประเทศจีนตามคำร้อง โดยให้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ และเมื่อจำเลยทั้งสองเดินทางกลับเข้าประเทศให้มารายงานตัวต่อศาลในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ ส่วนการเดินทางไปประเทศอังกฤษ ให้จำเลยยื่นคำร้องเข้ามาใหม่เพื่อให้ศาลพิจารณาตามที่เห็นสมควรต่อไป"

แต่แล้วหลังจากไปร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ก็ไม่ได้เดินทางกลับประเทศมาอีกเลย

เพราะในที่สุด "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ต้องรับโทษจำคุก 2 ปี จากคดีที่ดินรัชดา และถูกยึดทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้านให้ตกเป็นของแผ่นดิน

ขณะที่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 7 ต่อ 0 "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ในฐานะนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ มีมูลความผิดในตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะปล่อยปละละเลยไม่ยอมระงับยับยั้งปล่อยให้โครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตทั้งกระบวนการ

แม้ทีมทนายความของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" จะทักท้วงว่ากระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.นั้น รวบรัดเร่งรีบเกินไป แต่ ป.ป.ช.ก็เตรียมจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช.เพื่อรับรองมติ 7 ต่อ 0 ก่อนส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ หากอัยการสั่งไม่ฟ้อง ป.ป.ช.ก็มีอำนาจยื่นฟ้องเองได้

ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริตต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินว่า "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" มีความผิดจริง ก็อาจตัดสินให้เธอต้องโทษจำคุกไม่ต่างจากผู้เป็นพี่ชาย

จนเกิดเสียงลือว่าการที่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ขออนุญาต คสช.เดินทางออกนอกประเทศไปพักผ่อนยังทวีปยุโรปตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.-10 ส.ค.อาจถึงขั้นหลบหนีคดีเหมือนผู้เป็นพี่

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวใกล้ชิด "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ยืนยันว่าอดีตนายกฯจะกลับมาสู้คดีเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ไม่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะอัยการยังไม่ส่งฟ้อง คดียังไม่เข้าสู่ศาล อีกทั้งเดิมพันเรื่องนี้สูงเกินกว่าจะหนีในตอนนี้ หากหนีไปตอนนี้ก็เท่ากับทำให้พรรคเพื่อไทยก็ถูกตราหน้าว่าทุจริตไม่ได้ผุดได้เกิด

ขณะที่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ก็ยืนยันกับปากตนเองว่า "วันนี้ดิฉันเป็นราษฎรเต็มขั้นแล้ว ควรจะมีสิทธิเสรีภาพเยี่ยงประชาชนคนไทยทั่วไป ขอยืนยันว่า จะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชนคนไทย และพร้อมจะกลับมาสู่ประเทศไทย"

เมื่อคดีทุจริตกลายเป็นชนักปักหลัง ทั้ง "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" และ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ฉากอวสานของเรื่องนี้ว่าชะตากรรม 2 พี่น้องตระกูลชินวัตรจะลงเอยเหมือนผู้เป็นพี่หรือไม่