ดัชนีพุ่ง20จุดรับ'รธน.ใหม่'

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 24 กรกฎาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ดัชนีหุ้นไทยทะยานบวก 20.75 จุด หลังคสช.รับพระราชทาน รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ "แบงก์-สื่อสาร" ราคาพุ่งคึกคัก

    ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (23 ก.ค.) ดัชนีฟื้นตัวขึ้นจากวันก่อนหน้า หลังจากคสช.ได้รับพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว กลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างคึกคักนั้นทั้ง กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มธนาคาร โดยดัชนีปิดการซื้อขายที่ 1,541.56 จุด เพิ่มขึ้น 20.75 จุด คิดเป็น 1.36% มูลค่าการซื้อขาย 4.76 หมื่นล้านบาท

    นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวได้ค่อนข้างดี เป็นผลมาจากเม็ดเงินต่างประเทศที่ยังไหลเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร ผลักดันให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    "ถ้าเราดูข้อมูลการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ จะเห็นว่าเม็ดเงินยังไหลเข้าไทยต่อเนื่องทั้งในตลาดหุ้นและพันธบัตร โดยวันก่อนนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1.7 พันล้าน แต่ซื้อพันธบัตรสูงถึง 2.3 หมื่นล้านบาท ทั้งในพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว"

    เขากล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาเราเห็นการไหลเข้าของเม็ดเงินที่หนาแน่นในระดับดังกล่าวไม่บ่อยนัก เกิดจากช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีปัญหาภายในประเทศ สวนทางกับเพื่อนบ้านที่เศรษฐกิจเติบโตได้ดี ทำให้ตลาดหุ้นในกลุ่มทิปปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกตลาดยกเว้นไทย แต่พอการเมืองมีทิศทางที่ดีทำให้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเราอยู่ที่มีระดับราคาปิดกำไรต่อหุ้น (พี/อี) อยู่ที่ 15 เท่า ถูกที่สุดในกลุ่ม

    ขณะที่ อินโดนีเซีย อยู่ที่ 17 เท่า และฟิลิปปินส์อยู่ที่ 19 เท่า ประกอบกับตลาดหุ้นไทยในระยะที่ผ่านมา เราไม่มีปัจจัยร้ายเข้ามากระทบ และมีข่าวดีเข้ามาต่อเนื่อง ทั้งคสช.ยังได้รับพระราชทาน รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ยิ่งสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนเพิ่มขึ้น

    ทั้งนี้ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้ 1,550-1,560 จุด ระดับดังกล่าวจะมีความเสี่ยงถูกขายทำกำไร เรามองว่าการปรับตัวลดลงในรอบนี้น่าจะลงมาอยู่ที่ระดับ 1,450-1,500 จุด และเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าสะสมหุ้น โดยให้นักลงทุนเลือกหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มอุปโภคบริโภคที่จะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวในประเทศ แต่เรามองว่านักลงทุนควรเลือกหุ้นเป็นรายตัวที่ยังถูกกว่ากลุ่ม และแบ่งเงินออกเป็น 3 ก้อนเพื่อทยอยเข้าซื้อ

    นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นค่อนข้างดี ผลจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลก

    "ตลาดหุ้นไทยปรับตัวได้ดีสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาค เป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศออกมาค่อนข้างดี ทำให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวได้จากวานนี้"

    นอกจากนี้ไทยยังมีปัจจัยหนุนจาก การมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ส่งผลต่อนักลงทุนให้มีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้นักลงทุนหันมาเก็งกำไรในหุ้นในกลุ่มสื่อสาร กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ก่อนหน้านี้ถูกเทขายให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างคึกคัก

    สำหรับระยะต่อไป สิ่งที่นักลงทุนควรติดตามคือ ตัวเลขการเศรษฐกิจในประเทศเศรษฐกิจหลักที่จะประกาศออกมารวมไปถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 และสิ่งที่นักลงทุนควรติดตาม คือ นโยบายด้านเศรษฐกิจของคสช.ว่า จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร โดยมองแนวรับอยู่ที่ 1,525-1,550 จุด แนวต้าน 1,540-1,550 จุด แนะนำให้นักลงทุนเลือกหุ้นที่มีการเติบโตของกำไรที่ดี และมีปันผลสูง

    ด้าน บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุว่า หลังการเมืองคลี่คลาย หุ้นสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จะกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง เพราะมียอดขายล่วงหน้ารอโอน (Backlog) เป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาโอนไม่ได้ติดที่หน่วยงานราชการ จากนี้ไปคาดว่าจะราบรื่นขึ้น

    ปัจจุบันสวนอุตสาหกรรมโรจนะ มีงานในมือมากสุดในกลุ่มรายใหญ่ คือ 3,100 ไร่ เทียบกับอมตะ และเหมราช ที่มีอยู่ 740 ไร่ และ 430ไร่ ตามลำดับ ดังนั้นจึงมีโอกาสจะบันทึกรายได้สูง ขณะที่รอการขายฟื้นตัว มีการปรับคาดการณ์กำไรปีนี้และปีหน้าขึ้นในอัตราที่สูงเป็น 30% และ 27% ตามลำดับด้วยสองสมมุติฐาน คือ 1.ให้มีการโอนนิคมปีนี้ได้มากขึ้น และ 2) ปรับอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพื่อสะท้อนการใช้กำลังผลิตเพิ่ม ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิม ถือ

    Tags : ตลาดหุ้น • รัฐธรรมนูญ • คสช. • การเมือง • กลุ่มสื่อสาร

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้