วันที่ 22 กรกฎาคม นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยถึง การชี้มูลความผิดทางอาญากับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีโครงการรับจำนำข้าว หลังนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาแสดงความเห็นไม่เห็นด้วยกับมติของป.ป.ช. ว่า ขณะนี้การทำงานของคณะกรรมการป.ป.ช.ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว ต่อจากนี้เป็นเรื่องของอัยการสูงสุด และศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งคณะกรรมการมีมติว่าจะไม่ตอบโต้คำพูดของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยขั้นตอนหลังจากนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องรับรองมติการประชุม จากนั้นจะปรับสำนวนคำร้องและลงรายชื่อ เพื่อนำเอกสารส่งให้อัยการสูงสุดต่อไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดภายในสัปดาห์หน้า และหากอัยการสูงสุด พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วเห็นว่า ยังมีข้อไม่สมบูรณ์ตามกฏหมายจะต้องตั้งคณะทำงานร่วม ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด ซึ่งหากผลพิจารณาร่วมแล้ว อัยการสูงสุดไม่ส่งฟ้องเรื่องดังกล่าว คณะกรรมการป.ป.ช.จะต้องนำกลับมาพิจารณาว่าจะส่งฟ้องเองหรือไม่ หากมีมติส่งฟ้องเองก็จะต้องตั้งทีมทนายเพื่อดำเนินการ พร้อมปฏิเสธตอบคำถามเกี่ยวกับการเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากโครงการทุจริตจำนำข้าว เนื่องจากอยู่ในสำนวนที่ส่งให้กับอัยการสูงสุดแล้ว ซึ่งขึ้นอยู่กับอัยการสูงสุดว่าจะส่งฟ้องคดีทางแพ่งหรือไม่ ขณะเดียวกันความคืบหน้าคดีที่คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่บริษัท อสมท.ฐานไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด นั้น พบว่า หลังจากที่คณะกรรมการป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดี ยังมีข้อมูลไม่สมบูรณ์ จึงต้องมีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วม และเรียกพยานบุคคลมาสอบปากคำเพิ่มเติม 3 ราย โดยคาดว่า การสอบสวนจะเสร็จสิ้นในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ จากนั้นคณะทำงานร่วม 2 ฝ่ายจะพิจารณาว่าจะส่งสำนวนดังกล่าวฟ้องศาลต่อหรือไม่