แบงก์โชว์กำไรงวดครึ่งปีเพิ่มหลังมีรายการพิเศษหนุนรายได้ ไทยพาณิชย์ขายหุ้นบริษัทลูก ทหารไทยขายเอ็นพีแอล ภาพรวมผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2 นี้มีกำไรสุทธิรวม 52,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.36 % จากไตรมาส 2 ปีก่อน ขณะที่งวดครึ่งปีมีกำไรสุทธิรวม 103,201 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.01% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธนาคารทหารไทยมีกำไรเติบโตสูงสุดถึง 925% ในไตรมาส 2 และ 101.98% ในงวดครึ่งแรกของปีและธนาคารธนชาตมีกำไรสุทธิลดลงมากที่สุดถึง 69.72% ในไตรมาส 2 และ57.57% ในงวดครึ่งแรกของปี สำหรับการเปลี่ยนแปลงของกำไรสุทธิในงวดครึ่งแรกของปีนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เช่น ธนาคารทหารไทยมีกำไรเพิ่มขึ้น 102%เนื่องจากการขายเอ็นพีแอลออกไป 3.3 พันล้านบาทในไตรมาสนี้ ทำให้การตั้งสำรองสุทธิลดลงเนื่องจากมีการโอนกลับ (Write Back) เงินสำรองส่วนเกิน 862 ล้านบาท ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์มีกำไรเพิ่มขึ้น 8.12% เพราะไตรมาส 2 มีการขายหุ้นบริษัทไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัย 1.3 พันล้านบาท หลังภาษี ด้านธนาคารที่มีกำไรลดลง อย่างธนาคารธนชาต เนื่องจากปีที่ผ่านมา มีการรับรู้รายได้จากการขายธุรกิจประกันให้พรูเดนเชียล ส่วนธนาคารกรุงเทพ ที่มีกำไรลดลงเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายการพิเศษในการกลับรายการประมาณการหนี้สิน สำหรับผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ที่ได้โอนให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) 2,578 ล้านบาท เช่นเดียวกับธนาคารกรุงศรี ที่ในช่วงเดียวกันของปีก่อน มีการรับรู้รายได้พิเศษจากหนี้สูญรับคืน และการกลับรายการสำรองเอ็นพีแอลที่โอนไปบสท. 1,085 ล้านบาท กรุงไทยไตรมาสสองกำไรโต16% นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 7,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.75% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แสดงถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีแรกธนาคารมียอดสินเชื่อ 1,810,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.78% ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเท่ากับ 17,525 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.60% และมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ 7,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.71% สำหรับงวดครึ่งปีแรกปีนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 15,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.69% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ธนาคารได้ปรับนโยบายการกันเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มจากเดือนละ 500 ล้านบาท เป็น 700 ล้านบาท และจากการเติบโตที่ดีของกำไรจากการดำเนินงาน ธนาคารยังได้กันสำรองเพิ่มเป็นพิเศษอีก 3,000 ล้านบาท ทำให้ในงวดครึ่งปีแรกนี้ ธนาคารตั้งสำรองรวม 7,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.87% ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มจาก 109.47% ณ สิ้นปี 2556 เป็น 113.06% เอ็นพีแอลแบงก์ปูดเกือบ10% ด้านสินเชื่อ 1,810,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.78%จากสิ้นปีก่อน และมียอดเงินฝากจำนวน 1,867,456 ล้านบาท ลดลง 0.87% ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLS) 62,043 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,585 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.89% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากลูกค้าเอสเอ็มอีบางส่วน ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัวลง รวมทั้งหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น โดยธนาคารมีนโยบายในการดูแลใกล้ชิด ทั้งนี้ธนาคารพาณิชย์ ที่มุ่งเน้นสินเชื่อเช่าซื้อในงวดครึ่งแรกของปี มีผลประกอบการลดลงแทบทุกแห่ง เป็นผลมาจากการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ โดยนางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ ยอมรับว่าสินเชื่อปีนี้มีโอกาสติดลบ 2-3% จากเป้าเดิมที่ตั้งเป้าเติบโต 10% โดยครึ่งปีแรกสินเชื่อลดลง 4.7% จากการชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้ ทั้งตลาดเช่าซื้อและภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบทางการเมือง "ยอมรับว่าอาจทำให้กำไรตลอดทั้งปีนี้เติบโตน้อยกว่าปีก่อน แม้เศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น แต่ไม่น่าจะชดเชยได้ โดยสินเชื่อเช่าซื้อยังได้รับผลกระทบจากยอดขายรถที่ลดลงเหลือ 8.5 แสนคัน เอสเอ็มอีของธนาคารส่วนใหญ่เป็นดีลเลอร์รถยนต์ จึงได้รับผลกระทบไปด้วย ส่วนสินเชื่อรายใหญ่แม้จะยังเติบโตได้แต่ก็ไม่สามารถชดเชยได้" ทิสโก้มุ่งหารายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่ม ดังนั้นจึงหันไปมุ่งเน้นการสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมทดแทน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ด้านประกันและกองทุน ส่วนต้นทุนเงินฝากที่ลดลงยังช่วยให้ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 2.9% จากปีก่อนที่ 2.6-2.7% ด้านกลยุทธ์ธนาคารยังคงมุ่งเน้นธุรกิจรายย่อยโดยพิจารณาความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เหมาะสม สำหรับตลาดรถยนต์ใหม่คาดปีหน้าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หรือมียอดขายหลักล้านคันได้ ส่วนรถมือสองคาดว่าจะไม่เติบโตมากนักเนื่องจากต้องรอตลาดรถใหม่กลับมาก่อน "ปีนี้ยังมีความไม่แน่นอน ราคารถยังตกอยู่ รถยึดมาก็ขายขาดทุน ต้องตั้งสำรอง ขณะที่สินเชื่อไม่โต ปีนี้เราคงมีกำไร แต่คงลดลงกว่าปีก่อนจากสินเชื่อที่หดตัวและขาดทุนรถยึด ส่วนรายได้และส่วนต่างดอกเบี้ยยังเพิ่มอยู่ สำหรับเอ็นพีแอลเชื่อว่าจะสูงสุดช่วงนี้ โดยไตรมาส 2 เอ็นพีแอลอยู่ที่ 2.27% ถือว่าเป็นระดับที่สูงสุดแล้ว และคาดว่าจากนี้ไปจะค่อยๆ ปรับลดลงมา และคาดสิ้นปีจะอยู่ที่ราว 2% ขณะที่การตั้งสำรองในครึ่งหลังคงไม่สูงเท่าครึ่งแรก" กรุงศรีไตรมาสแรกกำไรโต14% ด้านนายโนริอากิ โกโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า กำไรไตรมาส 2อยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 6.8 พันล้านบาท ลดลง 4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 2.5 พันล้านบาท เติบโต 0.3% จากสิ้นปีก่อน เงินฝากเพิ่มขึ้น 1.97 หมื่นล้านบาทคิดเป็นการเติบโต 2.6% จากสิ้นปีก่อน ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 4.31% จากการลดต้นทุนทางการเงินของธนาคาร ขณะที่เอ็นพีแอลลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.92% เมื่อเทียบกับ 2.97% ในไตรมาส 1/2557 "ครึ่งหลังปีนี้ คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เป็นผลจากการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น และความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อการเติบโตต่อเนื่องของธนาคารและบริษัทในเครือทั้งในด้านสินเชื่อ และรายได้จากค่าธรรมเนียม ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และปัจจัยด้านฤดูกาลที่สนับสนุนให้มีความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคและสินเชื่อภาคธุรกิจ กรุงศรีจึงคงเป้าการเติบโตของสินเชื่อของทั้งปีอยู่ที่ 7-9%" Tags : ธนาคาร • กำไร • รายการพิเศษ • วรภัค ธันยาวงษ์