7เดือนแรก"กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์"ผลงานฟื้นจากความขัดแย้งในต่างประเทศ "กองทุนทองคำ"ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย7.80% จากการสำรวจผลการดำเนินงานของกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (18 ก.ค.) พบว่า กองทุนทองคำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยช่วง 7 เดือนแรก 7.80% โดยกองที่มีผลงานดีสุดให้ผลตอบแทน 8.76% และกองที่มีผลงานแย่สุดให้ผลตอบแทน 6.92% หรือต่างกันอยู่ 1.84% สำหรับกองทุนทองคำที่มีผลงานดีสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1. กองทุนเปิดธนชาตทองคำแท่ง-H (TGOKDBULLION-H) ของบลจ.ธนชาต ได้ 1 ดาว ให้ผลตอบแทน 8.76% 2.กองทุนเปิดธนชาตทองคำแท่งเพื่อการเลี้ยงชีพ-UH (TGOLDRMF-UH) ของบลจ.ธนชาต ได้ 2 ดาว ให้ผลตอบแทน 8.71% และ 3.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ (SCBGOLDH) ของบลจ.ไทยพาณิชย์ ให้ผลตอบแทน 8.16% ส่วนกองทุนน้ำมันให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.80% โดยกองทุนที่มีผลงานดีสุดให้ผลตอบแทน 7.16% และกองทุนที่มีผลงานแย่สุดให้ผลตอบแทน 2.93% หรือต่างกันอยู่ 4.23% โดยกองทุนน้ำมันที่มีผลงานดีสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1.กองทุนเปิดเคออยล์ (K-OIL) ของบลจ.กสิกรไทย ให้ผลตอบแทน 7.16% 2.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ออยล์ (SCBOIL) ของบลจ.ไทยพาณิชย์ ให้ผลตอบแทน 7.00% และ 3. กองทุนเปิดทิสโก้ ออยล์ ฟันด์ (TISCOOIL) ของบลจ.ทิสโก้ ให้ผลตอบแทน 6.14% นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล นักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมของสินค้าโภคภัณฑ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงในแง่ของความน่าสนใจยังไม่เท่ากับหุ้นในช่วงที่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวเช่นนี้ เงินลงทุนส่วนใหญ่ จึงโยกกลับเข้าไปลงทุนในหุ้นมากขึ้น สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ มีเพียงปัจจัยความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่เข้ามาสนบัสนุนเป็นระยะๆ และอาจจะพอดีที่หลายเหตุการณ์มาเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน แต่ประเด็นความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ก็เหมือนกับเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งมีมานานแล้วแต่อาจจะมีประเด็นขึ้นเป็นระยะๆ ที่น่าจับตามากกว่าคือกรณีของยูเครนซึ่งตรงนั้น มีมหาอำนาจที่หนุนหลังอยู่ทั้งสหรัฐ ยุโรปและรัสเซีย สำหรับทองคำเองยังเคลื่อนไหวแกว่งตัวออกข้าง (Sideway) ในกรอบ 1,150-1450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังไม่มีการเปลี่ยนแนวโน้มที่ชัดเจนแต่ประการใด "การถือทองคำไว้ในพอร์ตแนะนำไม่ให้เกิน 10% และควรมองในแง่ของการกระจายความเสี่ยงเป็นสำคัญมากกว่าที่จะมามองในเรื่องของผลตอบแทน เพราะความไม่แน่นอนอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อการมีทองคำไว้ในพอร์ตก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง" นายสานุพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนน้ำมันนั้นภาพดูดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก มีการเคลื่อนไหวในลักษณะของการแกว่งตัวขึ้น (Sideway Up) โดยมีการกรอบการเคลื่อนไหว 95-110 ดอลลาร์ต่อบาเรล และเหมาะกับการลงทุนในลักษณะของการซื้อขายตามกรอบแนวรับ-แนวต้านมากกว่า ส่วนผลงานของกองทุนทองคำในปีนี้จะเห็นว่าแตกต่างกันไม่มากเพราะค่าเงินบาทไม่ผันผวนเช่นในอดีตทำให้กองทุนทองคำทั้งที่ป้องกันความเสี่ยงและไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินมีผลงานที่ไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าแนะนำ ก็ควรเลือกกองที่มีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินเอาไว้ เวลาค่าเงินผันผวนจะได้ไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินและผลตอบแทน ก็จะเคลื่อนไหวไปกับราคาทองคำเป็นหลักด้วย Tags : ทองคำ • น้ำมัน • ผลตอบแทน