ถึงแม้ไมโครซอฟท์จะแย่ในตลาดคอนซูเมอร์ แต่ในตลาดไอทีองค์กรกลับยังแข็งแกร่งมาก และบริษัทก็เริ่มขยับขยายไปยังอุตสาหกรรมเฉพาะทาง (ที่จำเป็นต้องใช้ไอทีมากขึ้นเรื่อยๆ) เมื่อพูดถึง Internet of Things วงการไอทีมักนึกถึง "บ้านอัจฉริยะ" เป็นอย่างแรก แต่ไมโครซอฟท์ก็แสดงให้เห็นว่า Internet of Things สามารถเชื่อมโยงกับของได้ทุกอย่าง และในกรณีคือ "ลิฟต์" ครับ ไมโครซอฟท์เข้าไปทำระบบไอทีให้กับ ThyssenKrupp Elevator ผู้ผลิตลิฟต์รายใหญ่ของโลกจากเยอรมนี มีลิฟต์ในความดูแลกว่า 1.1 ล้านตัว และเป็นผู้ติดตั้งลิฟต์ให้อาคารสำคัญๆ ของโลกอย่าง One World Trade Center หรือ CMA Tower ในซาอุดีอาระเบีย บริษัทนี้มีความต้องการพัฒนา "อัพไทม์" ของลิฟต์ให้มากกว่าเดิม จึงต้องนำระบบไอทีเข้ามาช่วย ไมโครซอฟท์ร่วมมือกับ CGI บริษัทที่ปรึกษาระบบไอทีรายใหญ่จากแคนาดา นำโซลูชันหลายอย่างของไมโครซอฟท์เข้าไปช่วย เช่น ดึงข้อมูลจากเซ็นเซอร์จำนวนมหาศาลในระบบลิฟต์ และอุปกรณ์พกพาที่ช่างเทคนิคดูแลรักษาลิฟต์พกติดตัว แล้วนำมาเก็บไว้ใน Microsoft Azure Intelligent Systems Service บริการตัวใหม่ในกลุ่ม Azure ที่เน้นตลาด IoT โดยเฉพาะ โดยที่ ThyssenKrupp ไม่ต้องทำระบบเซิร์ฟเวอร์เอง ข้อมูลที่ได้จากเซ็นเซอร์มี 2 ส่วน อย่างแรกคือการแจ้งเตือนเมื่อระบบเกิดปัญหาเร่งด่วน (alert) และข้อมูลเหตุการณ์ทั่วไป (event) เก็บไว้ใช้เป็นข้อมูลสำหรับบริหารจัดการระบบ แนวคิดของการซ่อมบำรุงในยุค IoT คือ "ซ่อมก่อนเสีย" โดยช่างเทคนิคจะมีข้อมูลเรียลไทม์ของลิฟต์แต่ละตัวเพื่อดูได้ว่า ลิฟต์ตัวนั้นสมควรไปซ่อมรึยัง ทำให้อัพไทม์โดยรวมของระบบลิฟต์ดีขึ้น ในอนาคต ระบบไอทีควรจะ "พยากรณ์" ล่วงหน้าได้ว่าควรซ่อมบำรุงลิฟต์ตัวใด ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของเทคโนโลยีด้าน Machine Learning ผ่านบริการ Azure ML ที่ไมโครซอฟท์เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ ไมโครซอฟท์บอกว่าลิฟต์แต่ละตัวมีอาการเสียที่เป็นไปได้กว่า 400 แบบ ซึ่งระบบจะเรียนรู้และ "สอน" ให้ช่างเทคนิครู้ว่าอาการแบบนี้ควรซ่อมอย่างไร ที่มา - Microsoft Microsoft, Internet of Things, Microsoft Azure, Machine Learning