ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเจ้าของนามแฝง @thegrugq เขียนบทวิเคราะห์เหตุการณ์รัฐประหารในตุรกีเมื่อวานนี้ ว่าเป็นการรัฐประหารที่การสื่อสารออนไลน์มีบทบาทอย่างมาก ในฝั่งของกลุ่มทหารผู้พยายามก่อรัฐประหาร ใช้การสื่อสารผ่าน WhatsApp แบบเข้ารหัส ซึ่งภายหลังมีภาพของข้อความแชทการนัดหมาย-กระจายกำลังผ่าน WhatsApp ออกมาสู่สาธารณะ (ดูได้จากทวีตท้ายข่าว) กลุ่มทหารผู้ก่อรัฐประหาร เข้ายึดสถานีทีวี TRT ของตุรกี แต่อินเทอร์เน็ตยังใช้งานได้ แม้บริการโซเชียลบางอย่างไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว (เช่น Facebook) แต่โซเชียลอีกหลายตัว (เช่น Instagram) ยังใช้งานได้ปกติ และทหารไม่ได้ส่งคนไปที่ ISP แต่อย่างใด ขณะที่เกิดรัฐประหาร ประธานาธิบดี Erdogan อยู่ระหว่างการไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด เมื่อทราบข่าวเขาจึงขึ้นเครื่องบินเพื่อความปลอดภัยจากการถูกจับกุม และใช้วิธีสื่อสารผ่าน FaceTime จากบนเครื่องบินมายังสถานีทีวีอื่น เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนออกมาต่อต้านการรัฐประหาร ผลคือมีสถานีทีวีอย่างน้อย 2 แห่ง (หนึ่งในนั้นคือ CNN Turk) ออกอากาศวิดีโอของ Erdogan สดๆ ให้ประชาชนรับทราบข้อมูล และกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ประชาชนออกมาต่อสู้กับกลุ่มทหาร คลิปวิดีโอ CNN Turk ขณะถ่ายทอด FaceTime ของ Erdogan ออกอากาศสด หน้าจอ WhatsApp ของฝ่ายก่อรัฐประหาร Darbecilerin WhatsApp görüşmeleri deşifre edildi pic.twitter.com/9ShCgbm3nf — ÇAPAMAG (@CAPAMAG) July 16, 2016 แผนที่ Facebook Live ของตุรกีในคืนที่เกิดเหตุรัฐประหาร https://t.co/Rm73BlgQNd pic.twitter.com/uTHO83mkRH — Alex Stamos (@alexstamos) July 15, 2016 ที่มา - Medium @thegrugq หมายเหตุ: ผู้เขียนคุณ @thegrugq ระบุว่าตัวเองเคยอยู่ในเมืองไทย และผ่านเหตุการณ์รัฐประหารในไทยมาแล้ว 2 ครั้งคือปี 2006/2014 และวิเคราะห์เหตุการณ์รัฐประหารใน 2 ประเทศเทียบกันด้วย อ่านได้ในต้นฉบับครับ Topics: TurkeyWhatsAppFaceTimePolitics