เอกชนห่วงความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย-ตะวันออกกลาง ดันราคาน้ำมันพุ่งและกระทบเศรษฐกิจโลก นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ต้องจับตาปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ (Geopolitic) ทั้งปัญหาระหว่างรัฐบาลรัสเซียกับยูเครนมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุเครื่องบินโดยสารของมาเลเชียถูกยิงตกในยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 296 คน ซึ่งมีประเด็นที่สหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) มีมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม รวมทั้งความขัดแย้งในฉนวนกาซาระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ที่อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ดังนั้น นักลงทุนจึงลดความเสี่ยงมาลงทุนในเงินดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนจากอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐที่ปรับตัวลดลง แต่นักลงทุนยังเข้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเงินบาทและค่าเงินในภูมิภาคเอเชียวันนี้อ่อนค่าลงจากความกังวลเรื่องนี้ ซึ่งแนวโน้มเงินบาทครึ่งปีหลังมีโอกาสจะอ่อนค่าอยู่ที่ประมาณ 33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ นายบัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศสะท้อนออกมา 3 ด้านคือ ผลกระทบกับความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ, ผลกระทบต่อราคาน้ำมัน หากความขัดแย้งเกิดในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของโลก เช่น ตะวันออกกลาง จะทำให้ราคาน้ำมันซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตสำคัญสูงขึ้นอย่างแน่นอน และกระทบต่อแผนการลงทุนของนักลงทุน เนื่องจากไม่รู้ว่าปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศจะจบลงเมื่อไร ทำให้นักลงทุนตัดสินใจเลื่อนการลงทุนออกไป ซึ่งต้องจับตาปัญหาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากยืดเยื้อ รุนแรงขึ้นจะกระทบต่อการค้าโลกได้ Tags : กอบสิทธิ์ ศิลปชัย • บัณฑิต นิจถาวร • เอกชน • ขัดแย้ง • เศรษฐกิจโลก