นักวิเคราะห์คาดแนวโน้มกำไรกลุ่มวัสดุก่อสร้างไตรมาส2ลดลงชี้เม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐเริ่มส่งผลดีในปี2558 บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มกำไรสุทธิกลุ่มวัสดุก่อสร้างไตรมาส 2 ปีนี้ ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก และจากการเข้าพบผู้บริหารบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ได้มุมมองว่า ความต้องการวัสดุก่อสร้างปรับตัวลดลงจากปีที่แล้ว โดยทั้งปีนี้ผู้บริหารคาดว่าความต้องการจะลดลงอีก หลังจากที่ลดลง 6-9% ในงวดไตรมาสแรก แม้ชาวนาจะได้รับเงินจำนำข้าวแล้ว แต่จะนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายหนี้นอกระบบ และลงทุนเมล็ดพันธุ์พืชรอบใหม่มากกว่า มีเฉพาะภาคตะวันตกที่เริ่มเห็นยอดขายวัสดุก่อสร้างที่กระเตื้องขึ้นจากปีที่แล้ว จากปัจจัยนี้ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่า ความต้องการวัสดุก่อสร้างในประเทศ เริ่มกระเตื้องขึ้นช่วงปลายปีนี้ และฟื้นตัวในปี 2558 "แม้คสช.จะยังคงมีนโยบายให้รัฐบาล เน้นลงทุนโครงการสาธารณูปโภคต่อ แต่ต้องใช้เวลากว่าที่โครงการใหม่จะเริ่มมีการก่อสร้างจริง ซึ่งคาดว่าจะเกิดปี 2558" ส่วนสินค้ากลุ่มกระเบื้อง น่าจะเริ่มเห็นสัญญาณยอดขายเติบโต หลังเข้าพบผู้บริหาร บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค (DCC) พบว่า ผู้บริหารประเมินยอดขายเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา แม้การเติบโตจะอยู่ในระดับต่ำ เชื่อว่าการเติบโตจะฟื้นตัวขึ้นช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ และปี 2558 เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากนโยบายกระตุ้นการบริโภคและการก่อสร้าง ซึ่งจะทำให้ราคากระเบื้องเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ยอดขายกระเบื้องของบริษัทกว่า 90% มาจากต่างจังหวัด ซึ่งทำให้รายได้บริษัทมีความสัมพันธ์ต่อรายได้ภาคการเกษตรสูง ซึ่งรายได้ภาคการเกษตรปัจจุบันทั้งข้าวและยางพาราอยู่ในระดับต่ำ บริษัทจึงต้องผันมาทำผลิตภัณฑ์ที่มีกำไรสูงขึ้น เช่น กระเบื้องขนาด 16X16 และ 24X24 โดยใช้ดิจิทัล พรินติ้ง ซึ่งบริษัทมีแผนจะเพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงจากเดิม 13% ช่วงไตรมาสแรกปีนี้เป็น 15%-25% ในปี 2557-2559 และบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มยอดขายจากการขายตรงและขายผ่านดีลเลอร์ รวมถึงมีแผนที่จะปรับปรุงสาขาของบริษัทใหม่ ขณะเดียวกัน ในสาขาที่มีการตกแต่งใหม่มีการเติบโตในระดับ 2 หลักเทียบกับสาขาเดิมที่มีการเติบโตของสาขาเดิมที่ติดลบ ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าว่วา บริษัทได้ปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ของบริษัท ดีคอนโปรดักส์ (DCON) แต่คงประมาณการปี 2558 เนื่องจากเชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีจะฟื้นตัวดีขึ้น จากกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัวกลับมา หลังการเมืองผ่อนคลาย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประเมินว่ากำไรไตรมาส 2 ปีนี้จะทรุดลง จึงปรับประมาณการปีนี้ลงเหลือกำไร 217 ล้านบาท ใกล้กำไรปีก่อน จากเดิมคาดอยู่ที่ 255 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มปี 2558 คาดจะโดดเด่นมาก เพราะได้แรงหนุนจากการโอนโครงการในมือ โดยจะรับรู้เป็นกำไร 180-193 ล้านบาท เมื่อรวมกับธุรกิจแผ่นพื้น และเสาเข็ม จึงประเมินกำไรปี 2558 จะโดดเด่นสูงถึง 389 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.57 บาท ส่วนนายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) กล่าวว่า คาดกำไรปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ที่มีกำไรสุทธิ 392.84 ล้านบาท แผนธุรกิจครึ่งปีหลังจะเน้นเพิ่มยอดขายมากขึ้น และลดต้นทุนด้านการผลิต เพื่อทำกำไรให้ได้ตามเป้าหมาย ยอมรับว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ พบว่ามีการเเข่งขันค่อนข้างสูงจึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง สำหรับรายได้รวมทั้งปี บริษัทเชื่อว่า จะเติบโตจากปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 2,900 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมาราว 10% มาจากการรับรู้รายได้จากแบ็คล็อกมูลค่า 1,800 ประมาณ 20-30% ในปีนี้ ส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปีถัดไป โดยคาดว่าแบ็คล็อกทั้งหมดจะใช้เวลารับรู้รายได้ประมาณปีครึ่ง "ผลงานในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ คงไม่ดีเท่าไตรมาสแรก เพราะเป็นโลว์ซีซันของธุรกิจ รวมถึงการลงทุนในประเทศก็ชะลอตัว ส่วนการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช.เข้ามาคลี่คลายปัญหาทางการเมือง แม้จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ก็เป็นช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ปีนี้ จึงมองว่าสัญญาณการฟื้นตัวของการก่อสร้างยังไม่ชัดเจนมากนัก" Tags : โบรกฯ • เม็ดเงินลงทุน • ภาครัฐ • กำไร • วัสดุก่อสร้าง