ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (17 ก.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น. ณ ห้องแถลงข่าวสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. (สนามบินน้ำ) นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกกรรมการ ป.ป.ช. ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเกี่ยวกับโครงการทุจริตจำนำข้าวและการระบายข้าวและได้ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้เข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และไต่สวนพยานบุคคลของผู้ถูกกล่าวหาเสร็จสิ้นแล้ว โดย ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ ส่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยระบุว่า การที่นายกฯ ในฐานะประธานกรรมการนโยบายจำนำข้าว ได้กำหนดราคาเกิดกว่าตลาด เกิดการทุจริตทุกขั้นตอน การสวมสิทธิ์ โกงความชื้น โกงตาชั่ง การนำข้าวออกจากคลัง ใช้อิทธิพลทางการเมืองช่วยเหลือ เกิดระบบนายหน้าค้าข้าว ก่อให้เกิดภาระรายจ่ายของรัฐทั้งการอุดหนุนเกษตรกร ทั้งการสีแปรสภาพ ขนส่ง ข้าวเสื่อมคุณภาพ ข้าวขาดทุน ข้าวหาย รัฐบาลกลายเป็นผู้ค้าข้าวรายใหญ่ โรงสีหาข้าวได้ไม่เพียงพอ โรงสีที่ชนะการค้าข้าวได้เปรียบ ข้าวไทยแพงกว่าข้าวคู่แข่งต่างประเทศ การรับจำนำทุกเมล็ด และวงเงินรับจำนำเสี่ยงให้เกิดความเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะเป็นนายกฯ ได้รับรู้รับทราบจากการปิดบัญชี และทราบว่าทุจริตทุกขั้นตอน อีกทั้งปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีชาวนาจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับเงิน เกษตรกรหลายรายฆ่าตัวตายในฐานะนายกฯต้องรับทราบ แต่กลับยืนยันดำเนินการต่อไป ทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่มีอำนาจในการยุติโครงการเพื่อระงับไม่ให้เกิดการทุจริต ไม่ให้เกิดความเสียหายมากขึ้น ถือได้ว่าเป็นสภาพความเสียหายที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศ จึงมีมูลความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ฐานเป็นเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. 2542 มาตรา 123/1 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบ จึงให้ส่งรายงานเอกสารไปยัง อัยการสูงสุดเพื่อส่งฟ้องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามฐานความผิดดังกล่าว