'เอชเอสบีซี'หั่นจีดีพีไทยเหลือ1.4%

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 17 กรกฎาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    เอชเอสบีซีหั่นคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้เหลือ1.4% จากเดิมให้3% เชื่อระยะยาวยังเป็นบวก มองปีหน้าโต5%

    นางสาวนลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย กล่าวว่า เอชเอสบีซีได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงเหลือ 1.4% จากเดิมที่ 3% โดยขณะนั้นเป็นการประเมินเมื่อช่วงต้นไตรมาส 2 ปี 2557 สาเหตุการปรับลดคาดการณ์ดังกล่าวเป็นผลจากการฟื้นตัวที่ช้ากว่าคาดของอุปสงค์ในประเทศและการส่งออก โดยไตรมาสแรกปี 2557 เศรษฐกิจไทยหดตัวลง 0.6%

    อย่างไรก็ตามระยะยาวทางเอชเอสบีซีมองว่า เศรษฐกิจไทยจะมีทิศทางเป็นบวกมากขึ้น โดยคาดว่าจีดีพีจะเติบโต 5% ในปี 2558 ซึ่งสะท้อนการพลิกฟื้นของอุปสงค์ภายในประเทศ

    ก่อนหน้านี้เศรษฐกิจไทยเผชิญแรงกดดันจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองรวมถึงการส่งออกที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ที่สำคัญการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานกรรมการ ได้เริ่มอนุมัติโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่ค้างไว้ มูลค่า 760,000 ล้านบาท

    “การคาดการณ์ของเอชเอสบีซียังอยู่บนสมมติฐานที่ว่าภาวะการเมืองจะยังคงมีเสถียรภาพ และรัฐบาลยังคงเดินหน้าแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญของประเทศ รวมทั้งปัญหาขีดความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง และหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง” นางสาวนลิน กล่าว

    นางสาวนลิน กล่าวว่า การเติบโตของการส่งออกไทยยังคงอ่อนแอ ตลอดช่วง 5 เดือนแรกของปี ชี้ให้เห็นว่าการส่งออกของไทยไม่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของเศรษฐกิจโลกเหมือนประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค โดยช่วง 5 เดือนแรก การส่งออกของไทยหดตัว 1.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หากไม่นับรวมการส่งออกทองคำ การส่งออกของไทยจะหดตัวเพิ่มเป็น 2.4%

    ทั้งนี้ ความอ่อนแอของการส่งออกมาจากหลายปัจจัย รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ และปัญหาโรคระบาดของกุ้ง นอกจากนี้ความต้องการบริโภคโดยรวมจากเศรษฐกิจเอเชียก็ยังคงอ่อนแอ ถึงแม้ว่าการส่งออกไปสหรัฐและยุโรปจะเพิ่มมากขึ้น

    “การขาดดุลการค้าสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากการส่งออกฟื้นตัวช้า ส่วนการนำเข้ายังคงหดตัวถึงแม้ว่าจะหดตัวในอัตราที่ช้าลงสอดคล้องกับความต้องการในประเทศ”

    คาดศก.ไทยโต ทุนไหลเข้า

    อย่างไรก็ตาม เอชเอสบีซี ปรับประมาณลงในครั้งนี้ สวนทางกับหลายสำนักที่เริ่มปรับขึ้นหรือมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ หลังจากคสช.แก้ปัญหาในเรื่องรายจ่ายภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชน โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา สำนักงบประมาณ ประเมินว่าจีดีพีในปี 2558 จะขยายตัวได้ 6.3%

    การประเมินทิศทางเศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้น สะท้อนจากค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จากกระแสเงินทุนไหลเข้า ทั้งในตลาดหลักทรัพย์และตราสารหนี้

    วานนี้ (16 ก.ค.) ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นและไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 4 เดือน ที่ 32.09 ขณะที่การไหลเข้าของกระแสเงินทุน ทั้งในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ ยังเป็นปัจจัยที่หนุนเงินบาท

    นักวิเคราะห์กล่าวว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย และแรงซื้อในตลาดพันธบัตร ถึงสะท้อนถึงทิศทางกระแสเงินทุน ที่ยังคงไหลเข้า

    สภาธุรกิจตลาดทุนทาบคสช.โรดโชว์

    พล.อ.ท. มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ และที่ปรึกษาหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่าเมื่อ เวลา 18.00 น. วันที่ 15 ก.ค. ที่บ้านพักรับรองกองทัพอากาศ พล.อ. ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะ รองหัวหน้า คสช. และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ได้ให้การต้อนรับนายไพบูลย์ นลินทรางกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และคณะรวม 15 คน ที่เข้าประชุมหารือเพื่อนำเสนอแผนการส่งเสริมการลงทุนและแผนการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างชาติให้แก่รองหัวหน้า คสช.ได้รับทราบ

    โดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้นำเสนอแผนการจัดงาน “Thailand Roadshow” เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจให้กับนักลงทุนต่างประเทศถึงสถานการณ์ในประเทศรวมทั้งนโยบายด้านเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยวางแผนจะไปพบนักลงทุนที่สิงคโปร์และฮ่องกง โดยจะขอเชิญผู้แทนฝ่ายเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และตัวแทนของส่วนราชการและคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ร่วมเดินทางเพื่อไปสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในประเทศดังกล่าวด้วย

    นอกจากนั้นสภาธุรกิจตลาดทุนไทยยังได้นำเสนอแผนการปฏิรูปตลาดทุนไทยด้วยมาตรการ 3 ข้อ คือ 1.การใช้ตลาดทุนเป็นเครื่องมือหรือช่องทางลงทุนของภาครัฐและเพิ่มประสิทธิภาพในรัฐวิสาหกิจ 2.การสร้างระบบการออมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุและการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน เพื่อลดความเหลี่ยมล้ำอันจะนำมาซึ่งความมั่นคงของรายได้ประชากรในระยะยาว และ 3. การปฏิรูปโครงสร้างของตลาดทุน รวมทั้งได้มีการนำเสนอการใช้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเป็นทางเลือกในการระดมทุนในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ รวมทั้งการนำเสนอข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เห็นถึงประโยชน์ของการลงทุนกองทุน LTF และ RMF ที่มีต่อตลาดทุน

    นอกจากนั้นสภาธุรกิจตลาดทุนไทยได้เสนอแนวคิดของการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สาธารณประโยชน์ร่วมกันระหว่างภาคธุรกิจเอกชนและภาคราชการ ด้วยการจัดทำโครงการบูรณะแม่น้ำลำคลองในพื้นที่ต่างๆ เพื่อแสดงออกถึงความร่วมมือร่วมใจและความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ โดยหัวหน้า คสช.แสดงความเห็นด้วยและเสนอแนะว่าอาจจะพิจารณาดำเนินการร่วมกันระหว่างทหารกับภาคเอกชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลซึ่งมีแม่น้ำลำคลองที่ยังต้องการการปรับปรุงอีกมาก

    Tags : เอชเอสบีซี • นักเศรษฐศาสตร์ • จีดีพีไทย • การเติบโต

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้