ไฟเขียว14มาตรการ "ประยุทธ์"เน้น3เรื่องหลัก"ตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน-วางผังเมือง-ช่วยเอสเอ็มอี" กรอ.ไฟเขียว14มาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นการลงทุน-เชื่อมั่น เผย"ประยุทธ์"เน้น3เรื่องหลัก"ตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน-วางผังเมือง-ช่วยเอสเอ็มอี" ขณะอุตฯร่วมส.อ.ท. แก้ปัญหาออกใบอนุญาตล่าช้า เตรียมตั้งกรรมการ 4 ชุด หวังเพิ่มขีดแข่งขันอุตสาหกรรมไทย การประชุมคณะกรรมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) นัดแรก วานนี้ (16 ก.ค.) มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน เห็นชอบมาตรการพัฒนาเศรษฐกิจและฟื้นความเชื่อมั่นตามข้อเสนอของภาคเอกชน ก่อนหน้านี้ ภาคเอกชน 5 สถาบัน ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้เสนอแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและฟื้นฟูความเชื่อมั่น รวม 5 นโยบายหลัก โดยมี 14 เรื่องหลัก นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่ากรอ.เห็นชอบตามข้อเสนอของภาคเอกชน 5 สถาบันในการพัฒนาเศรษฐกิจและฟื้นความเชื่อมั่นให้กับประเทศ “หัวหน้า คสช.ได้ให้ความสำคัญกับ 3 ประเด็นสำคัญ โดยให้ทำข้อเสนอในรายละเอียดมาเสนอในการประชุม กรอ.ในครั้งต่อไปซึ่งกำหนดให้มีทุกๆ 1 เดือน" นายอาคม กล่าวว่า 3 ประเด็น คือ การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเป็นทางเลือกในการระดมทุนในโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กระทรวงการคลัง และสมาคมตลาดทุนไทยจะต้องไปหารือในรายละเอียด ปัญหาการวางผังเมืองที่เป็นอุปสรรคต่ออุตสาหกรรมและธุรกิจ และมาตรการของบสย.ในการช่วยเหลือเอสเอ็มอี นายอาคม กล่าวว่าหัวหน้าคสช.ได้ขอให้ภาคเอกชนช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีของการ ประกอบธุรกิจเพื่อให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นไปด้วยดี รวมทั้งช่วยชี้แจงกับนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศว่า คสช.ไม่มีแนวทางในการเข้าไปแทรกแซงการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน ชี้ตลาดเงิน-ทุนรองรับได้ นายไพบูลย์ นลินทรางกูร. ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่าแนวทางทางการระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่เสนอให้ที่ประชุมกรอ.พิจารณาเนื่องจากมองว่าในขณะนี้ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะใช้กลไกดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการระดมทุนโครงการขนาดใหญ่ เนื่องจาก ตลาดทุนและสถาบันการเงินที่เข้มแข็ง ซึ่งหากสามารถส่งเสริมให้มีการใช้วิธีการระดมทุนผ่านกองทุนรวมฯจะเป็นทางเลือกในการระดมทุนให้กับรัฐบาล "โครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จะสามารถก่อสร้างได้โดยไม่เป็นภาระกับงบประมาณและระดับหนี้สาธารณะในอนาคต" ส.อ.ท.มั่นใจเสริมแกร่งเอสเอ็มอี นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีโดยการแจกคูปองนวัตกรรมเพื่อพัฒนาขีดความสามารถเอสเอ็มอีไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นโครงการต่อเนื่องที่ส.อ.ท.มีเป้าหมายที่จะผลิตเอสเอ็มอีไทยที่มีศักยภาพให้ได้ปีละไม่ต่ำกว่า 500 คน รวมทั้งจะสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในการบุกตลาดอาเซียนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไม่ต่ำกว่า 150 ผลิตภัณฑ์ซึ่งถือเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับเอสเอ็มอีสามารถแข่งขันได้มากขึ้น ส่วนการเสนอให้ปรับปรุงกฎหมายและผังเมืองเนื่องจากปัจจุบันข้อมูลผังเมืองที่มีการเก็บไว้ขาดความทันสมัย ไม่ทันต่อสภาพเมืองที่เปลี่ยนไปทำให้การบังคับใช้กฎหมายเดิมมีผลกระทบต่อการทำธุรกิจและอุตสาหกรรม นอกจากนั้นในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจที่มีกว่า 139 ฉบับในเบื้องต้นภาคเอกชนได้เสนอตัวเข้าไปมีส่วนร่วมในการเสนอแนะกฎหมายต่างๆ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช. )ในเร็วๆ นี้ ท่องเที่ยวชี้จัดระเบียบบรรยากาศดีขึ้น ด้านนางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (สทท.) กล่าวว่ามาตรการจัดระเบียบต่างๆ ของ คสช. ช่วยทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศไทยดีขึ้น โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้จะใกล้เคียงกับเป้าหมาย 26.8 ล้านคน "โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ขณะนี้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยกว่า 4 ล้านคนแล้ว" ดังนั้นมาตรการที่เสนอให้ กรอ.พิจารณาในการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า 3 เดือนให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนถือว่าเป็นการขอบคุณที่นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในไทยสูงมากในหลายปีที่ผ่านมา เสนอเปิดด่านบางแห่ง24ชม. นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าภาคเอกชนต้องการส่งเสริมเรื่องการอำนวยความสะดวกการค้าชายแดน โดยเสนอให้เร่งปรับปรุงด่านศุลกากรในพื้นที่ที่ยังเป็นคอขวดและมีความแออัดในการขนส่ง เช่น ด่านสะเดา จ.สงขลา และ ด่านอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นอกจากนั้นยังเสนอให้มีการขยายเวลาปิดด่านให้มากขึ้น รวมทั้งพิจารณาเปิดด่านบางแห่ง 24 ชม.เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น 'อุตฯ-ส.อ.ท.'ร่วมแก้ปัญหาใบอนุญาต ด้าน นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า ในการประชุมครั้งแรกนี้มีการหารือกันใน 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1.การออกใบอนุญาตต่างๆ ของกระทรวงอุตสาหกรรม เช่น ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) รูปแบบใหม่ที่ได้ปรับลดขั้นตอนจาก 90 วัน เหลือ 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา การออกใบอนุญาตประทานบัตร อาชญาบัตร ของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และใบอนุญาตแสดงเครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรมของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) ซึ่งลดระยะเวลาลงเหลือ 26 วัน จากเดิม 43 วัน รวมถึงการเปิดศูนย์อำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อให้บริการติดตามเรื่องใบอนุญาตของทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ตลอดจนแก้ไขปัญหาต่างๆ ในการประกอบกิจการ ส่วนประเด็นที่ 2 ได้หารือถึงการเน้นย้ำให้โรงงานอุตสาหกรรมประกอบกิจการโดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อประชาชน ในการแก้ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมและขยะอุตสาหกรรม ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เนื่องจากปัจจุบันไทยมีโรงงานขนาดใหญ่ที่ต้องกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยถึง 7.5 หมื่นโรง ซึ่งผู้ประกอบการที่ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย ทางกระทรวงฯ ก็จะมอบเครื่องหมายกรีน อินดัสตรี ชงแก้เอสเอ็มอีเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งนี้จากการหารือ กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมพิจารณาให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ในรูปแบบฟาสต์ แทร็ค เช่น ลดความเข้มงวดในการตรวจสอบโรงงานที่วางแผนการผลิตโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยสร้างภาพลักษณ์การพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศอย่างยั่งยืน นอกจากนี้กระทรวงฯจะจัดทำบัญชีดำ(แบล็คลิสต์)โรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน ผิดกฎหมาย ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.)อยู่ระหว่างแก้กฎหมาย ประเด็นที่ 3 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม มองว่าต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน รวมถึงส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ให้เป็นวาระแห่งชาติ ทั้งเรื่องรูปแบบโครงการ วิธีการดำเนินงาน และงบประมาณสนับสนุน และ4. ประเด็นเรื่องการรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชันทุกรูปแบบ ล่าสุดจะแต่งตั้งตัวแทนส.อ.ท.เข้าเป็นกรรมการอุทธรณ์โรงงาน เพื่อให้ฝ่ายโรงงานอุตสาหกรรมเกิดความสบายใจหากเกิดขึ้นข้อพิพาทกับฝ่ายกระทรวงฯ "กระทรวงอุตสาหกรรมและ ส.อ.ท. เตรียมตั้งคณะกรรมการ 4 ชุด เพื่อดำเนินงานร่วมกันใน 4 ประเด็นดังกล่าว คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า จากนั้นจะร่วมกันทำงานและติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ทั้ง 4 ประเด็นบรรลุเป้าหมายร่วมกัน" นายวิฑูรย์กล่าว เอกชนหวังเป็นจุดเริ่มต้นพัฒนาระยะยาว ด้าน นายสุพันธุ์ กล่าวมั่นใจว่าการทำงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมใน 4 ด้านหลักจากนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาอุตสาหกรรมในระยะยาว เกิดการกระจายงบประมาณของภาครัฐที่ใช้พัฒนาภาคอุตสาหกรรมทุกกลุ่ม จากเดิมภาครัฐจะมีข้อมูลโรงงาน บริษัทใหญ่ในจำนวนจำกัด ทำให้งบประมาณค่อนข้างกระจุกตัว นอกจากนี้ในส่วนของการตรวจสอบโรงงานให้ดำเนินกิจการถูกกฎหมาย ส.อ.ท.ได้เห็นชอบร่วมกับกรอ.ในการจัดทำแบล็คลิสต์ เพื่อประกาศให้สังคมรับรู้ เพราะยอมรับว่ายังมีโรงงานบางแห่งที่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งส.อ.ท.เองไม่สนับสนุนโรงงานประเภทดังกล่าวแน่นอน Tags : กระตุ้นเศรษฐกิจ • การลงทุน • กรอ. • โครงสร้างพื้นฐาน • ภาคเอกชน • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย • อาคม เติมพิทยาไพสิฐ • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา