ก.ล.ต. เตรียมออกประกาศให้รางวัลนำจับ 30% ของค่าปรับ ต่อผู้แจ้งเบาะแสการใช้ข้อมูลอินไซด์-ปั่นหุ้น รายงานข่าวจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็น ร่างประกาศเกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัล ตามที่มาตรา 315/1 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 บัญญัติให้ มีการจ่ายเงินสินบนให้แก่ผู้นำจับ หรือผู้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิด และจ่ายเงินรางวัลให้แก่ผู้จับ สำหรับความผิดฐานใช้ข้อมูลภายใน ในการซื้อขายหลักทรัพย์ (อินไซเดอร์เทรดดิ้ง) ตามมาตรา 241และฐานสร้างราคาหลักทรัพย์ (ปั่นหุ้น) ตามมาตรา 243 ไม่เกิน 30% ของจำนวนเงินค่าปรับ ที่ผู้กระทำความผิดชำระตามคำสั่งคณะกรรมการเปรียบเทียบ โดยให้สำนักงานร้องขอต่อคณะกรรมการเปรียบเทียบในกรณีที่มีการเปรียบเทียบดังกล่าว ทั้งนี้ให้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามมาตรา315/1 ได้ ในชั้นยกร่างประกาศดังกล่าว สำนักงานได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมบัญชีกลาง มาร่วมประชุมพิจารณาหลักการของร่างประกาศ รวมทั้งได้ส่งร่างประกาศที่แก้ไขตามความเห็นของที่ประชุมไปให้หน่วยงานดังกล่าวพิจารณาให้ความเห็น และสำนักงานได้แก้ไขร่างประกาศตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สำนักงานจึงมีความเห็นควรให้มีการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศเกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัล โดยได้จัดทำเอกสารเพื่อขอรับฟังความคิดเห็นจากภาคราชการ ภาคธุรกิจ และบุคคลทั่วไป โดยการแสดงความคิดเห็นจะมีไปจนถึงวันที่ 18 ก.ค. 2557 ร่างประกาศดังกล่าว มีเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และวิธีการจ่ายเงินสินบน-เงินรางวัล ทั้งสิ้น 21 ข้อ โดยมีสาระสำคัญดังนี้ ผู้แจ้งข้อมูล-ผู้นำจับ ต้องแจ้งการกระทำความผิดพร้อมทั้งมีความประสงค์จะรับเงินสินบน ต่อ ก.ล.ต. หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยทั้ง 2 หน่วยงานจะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งหากมีผู้แจ้งหลายราย ให้จ่ายแก่ผู้ที่ให้ข้อมูลมากที่เป็นประโยชน์มากที่สุด หรือหากข้อมูลใกล้เคียงกันให้จ่ายแก่ผู้แจ้งเป็นคนแรก แต่หากกรณีที่ต้องใช้ข้อมูลของผู้แจ้งหลายรายมาประกอบกัน ก็ต้องแบ่งจ่ายเท่าๆ กันตามจำนวนผู้ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการเอาผิด ซึ่งเงินสินบน-เงินรางวัลจะจ่ายหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด หากผู้แจ้งไม่ประสงค์จะแสดงตน ให้แจ้งทาง ก.ล.ต.และ DSI โดยหน่วยงานดังกล่าวจะดำเนินการรับเงินแทน อนึ่ง นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดทุนไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ผลการดำเนินงานออกมาดีตามที่คาดทั้งในด้านการพัฒนา และการกำกับดูแล โดยในส่วนการพัฒนาเห็นได้ว่าตลาดทุนไทยแข็งแกร่ง มีปริมาณการซื้อขาย (วอลุ่ม) สูงสุดในอาเซียนต่อเนื่อง มีหุ้นใหม่เข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการหุ้นใหม่ความภูมิใจของจังหวัด ล่าสุดปีนี้มีบริษัทเข้าร่วมโครงการ 200 บริษัทจาก 40 จังหวัดทั่วประเทศ ในด้านการกำกับดูแลนั้น ก.ล.ต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เน้นในการป้องปรามมากกว่าการลงโทษ มีการจัดทำแผนรณรงค์ให้หน่วยงานต่างๆมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ซีจี) จนบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ได้รับจัดอันดับซีจีสูงที่สุดในอาเซียน และทางธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์)ได้ยกระดับให้ไทยเป็นผู้นำทางด้านซีจีในอาเซียน เขากล่าวต่อว่า ก.ล.ต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามใช้กลไกทางกฎหมายที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ในระหว่างที่มีการเสนอแก้ไขพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในส่วนที่เกี่ยวกับเอาผิดทางแพ่งเพิ่มเติมจากความผิดทางอาญา ซึ่งก็ถือว่าการบังคับใช้กฎหมายได้มีประสิทธิภาพ “จำนวนคดีการเอาผิดที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้หมายความว่ามีการทำความผิดมากขึ้น แต่ส่วนหนึ่งเกิดจากการป้องกัน และร่วมกันตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย เพราะเชื่อว่าหากในระบบตลาดทุนมีการดำเนินการที่โปร่งใส จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน และทำให้ตลาดทุนไทยแข็งแกร่ง” รายงานข่าวจากก.ล.ต.แจ้งว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค. 2557) สำนักงานก.ล.ต.ได้มีการบังคับใช้กฎหมายทั้งการเปรียบเทียบปรับ และการกล่าวโทษทั้งหมด 91 กรณี แยกเป็นการเปรียบเทียบปรับ 53 กรณี และกล่าวโทษ 38 กรณี จากปี 2556 ทั้งปี ที่มีการบังคับใช้กฎหมายทั้งหมด 198 กรณี เป็นการเปรียบเทียบปรับ 79 กรณี และกล่าวโทษ 118 กรณี ในจำนวนการบังคับใช้กฎหมายทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นความผิดเกี่ยวกับการสร้างราคาหลักทรัพย์ หรือการปั่นหุ้น โดยพบว่าในช่วง 5เดือนแรกของปีนี้ มีการลงโทษในความผิดฐานปั่นหุ้น 27 ราย มากกว่าปีที่แล้วทั้งปีที่มีการเอาผิดในกรณีนี้ 13 ราย โดยแยกเป็นการเปรียบเทียบปรับ21 ราย และการกล่าวโทษอีก 6 ราย ทั้งนี้ในการเปรียบเทียบปรับในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นการเปรียบเทียบปรับในการสร้างราคาหุ้นบริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ (MILL) จำนวน11 ราย รวมมูลค่าการปรับทั้งหมด 11.69 ล้านบาท ที่เหลือเป็นเปรียบเทียบปรับการสร้างราคาหุ้นบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) จำนวน5 ราย รวมเป็นมูลค่าการปรับทั้งหมด 2.1 ล้านล้านบาท และเปรียบเทียบปรับกรณีการสร้างราคาหุ้น บริษัท ริช เอเชีย สตีล จำกัด (RICH) จำนวน 5ราย รวมมูลค่า 26.6 ล้านบาท Tags : ก.ล.ต. • รางวัลนำจับ • ปั่นหุ้น