วันนี้มีประกาศ คสช. ฉบับที่ 80/2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฏหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กฎหมาย กสทช.) โดยมีประเด็นสำคัญคือการแก้ไขให้เงินที่ได้จากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการ เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วให้ส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดิน (รวมถึงเงินประมูลทีวีดิจิตอลในงวดที่ 2-6 รวมถึงเงินที่ได้จากการประมูลคลื่นความถี่ในอนาคต) นอกจากนี้ในประกาศได้มีการแก้ไขกฎหมาย กสทช. ในส่วนอื่นๆ ได้แก่ เพิ่มวัตถุประสงค์ของกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ให้กระทรวงการคลังยืมเงินไปใช้ในกิจการของรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะได้ เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ โดยเพิ่มปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และอธิบดีกรมบัญชีกลางเข้ามาเป็นกรรมการ และตัดผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ออก ให้เหลือเพียงผู้ทรงคุณวุฒิ (เฉยๆ) เพียง 2 คน ให้นำเงินที่ได้จากการประมูลคลื่นความถี่ที่ยังไม่ได้ส่งเข้ากองทุนฯ ส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดินภายใน 15 วัน ส่วนความเห็นของกรรมการ กสทช. อย่างสุภิญญา กลางณรงค์ มองว่าสาเหตุที่มีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการกองทุนฯ เพราะกรณีคูปองสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิตอล 1,000 บาท และเงินชดเชยให้อาร์เอสกรณีฟุตบอลโลก 427 ล้านบาท และมองว่า คสช. หวังรื้อคณะกรรมการ กสทช. ด้วย ก็ต้องตามต่อไปว่าคูปองทีวีดิจิตอลจะโดนตัดตอนอีกหรือเปล่า รวมทั้งคนที่หวังให้เอาเงินประมูลคลื่นไปสร้างโรงเรียน ให้เด็กยืมเรียน ก็มีความหวังแล้วนะฮะ... ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ งานเข้าบอร์ดกองทุนฯไปก่อนบอร์ด กสทช.อีก เงินทองเรื่องใหญ่จริงๆ #คหสต. ประเด็น427ล้านบอลโลก และ คูปอง1000บาท คงเป็นเหตุปรับบอร์ดกองทุนฯใหม่ — Supinya Klangnarong (@supinya) July 9, 2014 การปรับแก้บางมาตราเช่นเรื่องกองทุน ทำง่ายกว่า ถ้าจะปรับบอร์ด กสทช.ชุดนี้ คงต้องรื้อกฏหมายทั้งฉบับ คาดว่าคงรอไปแก้ใน สนช. แต่ก็ไม่แน่นอน — Supinya Klangnarong (@supinya) July 9, 2014 จริงๆก็คงอยากปรับบอร์ด กสทช.ด้วย แต่เนื่องจากเป็นองค์กรอิสระที่มาตาม พรบ.มาตรายาวเหยียด จะปรับก็คงต้องแก้กฏหมายทั้งฉบับเว้นเกิดสุญญากาศ — Supinya Klangnarong (@supinya) July 9, 2014 Law, NBTC, Thailand