รีวิว Chromebit เมื่อ Chrome OS มาอยู่ในขนาดเท่าฝ่ามือ

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 6 พฤษภาคม 2016.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ช่วงที่ผ่านมาเราเห็นผู้ผลิตจากหลากหลายค่าย ต่างเปิดตัวคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก (ขนาดประมาณแท่งขนมช็อคโกแลตอย่าง Mars) แต่เสียบใช้งานกับทีวีหรือจอที่รองรับ HDMI แล้วกลายเป็นคอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้ หนึ่งในนั้นคือ Chromebit ผลิตโดย ASUS ที่เปิดตัวไปเมื่อเมษายนและวางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

    ผมมีโอกาสได้สั่งมาจาก Amazon เพื่อลองเล่นดูว่า Chromebit จะเป็นอย่างไรบ้างในการใช้งานจริงครับ ทั้งนี้ราคาปัจจุบันที่จำหน่ายใน Amazon อยู่ที่ 84.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (สั่งกลับไทยมีภาษีเพิ่มที่ 52.95 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นมัดจำ ถ้าไม่เก็บก็ได้คืน) ส่วนสเปกอ่านจากข่าวเก่าครับ

    [​IMG]

    แกะกล่องและภายนอกของเครื่อง

    Chromebit มาในกล่องที่มีขนาดเล็ก (แต่ไม่ได้เล็กมาก) ส่วนน้ำหนักก็ถือว่าพอตัว (ข้อมูลจาก Amazon อยู่ที่ประมาณ 300 กรัม) พอแกะออกมาจากกล่องด้านบนแล้วเลื่อนออกมา จะพบ Chromebit นอนรออยู่ในกล่อง

    [​IMG]

    [​IMG]

    พอดึงออก ด้านล่างจะมีสายต่อขยาย (extender) สำหรับ HDMI ในกรณีที่ด้านหลังจออาจจะไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเสียบเป็นแท่งยาวๆ (เดี๋ยวภาพหลังๆ จะเห็นครับ), adapter สำหรับจ่ายพลังงาน (ไม่ใช่ microUSB ตามข่าวเก่าแล้วนะครับ), คู่มือ และเทปตีนตุ๊กแก สำหรับเอาไว้ติดตัว Chromebit หรือ USB Hub ไว้หลังจอ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ตัวเครื่องมีขนาดประมาณแท่งช็อกโกแลต Mars มาในสีดำสนิท (ไม่มีสีอื่นๆ เลย เข้าใจว่าสีอื่นตอนเปิดตัวนั้นหายไปหมด) ถือว่าใหญ่อยู่ (ลองเทียบกับมือผมละกันครับ) ด้านหลังเครื่องมีปุ่มรีเซ็ตและข้อมูลการรับรอง (regulatory approvals) แสดงเอาไว้ ส่วนด้านข้างเครื่องนอกจากรูเสียบ adapter เพื่อจ่ายไฟ, พอร์ต USB ขนาดเต็ม 1 ช่องแล้ว ก็มีที่ให้สำหรับสายแขวน (loop) ด้วย (มีเท่านี้จริงๆ ครับ)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ตัว Chromebit แสดงผมด้วยการเสียบเข้ากับพอร์ต HDMI ของหน้าจอที่มีที่ครอบป้องกันอยู่ และจะทำงานทันทีที่เสียบปลั๊กจ่ายไฟ (ไม่มีปุ่มให้เปิดเครื่อง) ดังนั้นแล้วอาจจะมีความไม่สะดวกในหลายครั้งที่สมมติเราสั่งปิดเครื่องแล้วต้องการเปิดใหม่ หนทางเดียวคือการดึงปลั๊กออก แล้วรอประมาณ 3-5 วินาที ก่อนเสียบปลั๊กใหม่เพื่อใช้งานเครื่องครับ ความจำกัดจำเขี่ยของพอร์ต USB ที่มีเพียงอันเดียว ก็ทำให้ต้องต่อ USB Hub หากต้องการเชื่อมต่อกับเมาส์และคีย์บอร์ด หรือไม่ก็ thumbdrive ต่างๆ (ตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อผ่าน bluetooth)

    [​IMG]

    [​IMG]

    ซอฟต์แวร์และการใช้งานจริง

    เมื่อใช้งานจริง สิ่งแรกที่โดดเด่นคือความเร็วในการเปิดเครื่อง (มันเร็วมาก!) โดยต้องผ่านขั้นตอนหน้าจอแนะนำการติดตั้งก่อน ใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถเข้าใช้งานได้ แต่ผมก็ต้องพบความจริงที่ว่า Chromebit ผมไม่มีเสียง เพราะหน้าจอคอมพิวเตอร์ผมปัจจุบันนั้นไม่มีลำโพงให้มาในตัวนั่นเอง ใช้งานกับคียบอร์ดแบบเดิมได้เลย

    [​IMG]

    ตัวซอฟต์แวร์เป็น Chrome OS ซึ่งเปิดเว็บต่างๆ ใช้งานได้ดีตามปกติ แต่เมื่อพอเริ่มใช้ไปได้ระยะหนึ่งก็เริ่มช้าตามประสิทธิภาพของเครื่อง นอกจากนั้นแล้วตัวของระบบปฏิบัติการเองก็ทำงานแบบออฟไลน์จำกัดมาก (เรื่องนี้เคยรีวิวกันไปแล้ว ลองอ่านจากรีวิวเก่าได้ครับ) คือถ้าไม่มีอินเทอร์เน็ต ก็เรียกว่าไม่ต้องทำงานเลย ส่วนคนที่กลัวเรื่องภาษาไทย (?) ก็ไม่ต้องห่วงครับ ใช้ได้ดีตามปกติ

    [​IMG]

    เมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง ผมพบว่าตัวเครื่องค่อนข้างร้อนเอาเรื่องอยู่ แม้จะไม่ถึงขั้นลวกร้อนมือครับ

    สรุป

    [​IMG]

    ผมใช้งาน Chromebit ได้มาประมาณสองวัน ก็ต้องบอกว่าเป็นพีซีตัวเล็กที่มีโฟกัสชัดและทำงานได้เร็วดี นั่นก็คือ ทุกอย่างทำงานที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตล้วนๆ ซึ่งเป็นแนวคิดของ Chrome OS ที่ดีมาก แต่ในทางกลับกันก็ทำให้ Chromebit เอง ทำงานได้ค่อนข้างจำกัดเช่นกัน ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่อยู่ใน Chrome OS อยู่แล้ว ความตื่นเต้นในการใช้งานจึงไปตกอยู่ที่ขนาดแทน

    แต่เมื่อต้องมานั่งคิดให้ละเอียดว่าตกลงแล้ว Chromebit จะเป็นยังไงบ้าง คำตอบที่ผมมีให้กับตัวเองก็คือหากเป็นบริษัทที่มีหน้าจอและแป้นพิมพ์ให้ แต่อยากเอาเครื่องส่วนตัวไปต่อเอง Chromebit ก็อาจจะเหมาะสม หรือในกรณีของสถานศึกษาก็ได้ ปัญหาก็คือหากใช้งานที่มีลักษณะเสียบค้างไว้ที่เครื่อง ก็ควรจะต้องมีระบบกันจารกรรมที่ดีกว่านี้ (อาจจะเป็นช่องอย่าง Kensington Lock) และถ้าเป็นการพกพาซึ่งมีโอกาสหายได้ง่าย (ขนาดไม่ใหญ่มาก) ก็ทำให้ผมคิดว่าตกลงแล้ว Chromebit จะเข้ามาตอบโจทย์ในการใช้งานแบบไหนกันแน่

    เท่าที่ผมนึกออก หากไม่เป็นกรณีที่ใช้กับป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่เปิดแบบ 24 ชั่วโมง (เพราะ Chromebit ไม่มีปุ่มเปิดและปิดเครื่องบนตัวเครื่อง) ก็อาจจะเป็นกรณีที่เสียบคาไว้กับทีวีที่บ้าน ไม่ก็อาจจะเอาไปใช้ได้ตามโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีหน้าจอและปลั๊กพร้อมสำหรับการใช้งานในห้อง (สถานการณ์แบบนี้มีสักกี่ครั้ง?) แต่ที่พอจะนึกออกชัดเจนที่สุดคือกรณีมีอุปกรณ์เหลือในบ้าน และต้องการมีคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กสักเครื่องไว้ใช้งานสำหรับงานเบาๆ ที่ไม่ต้องการอะไรมากมายนัก

    อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์เหล่านี้มีหลากหลาย และในบางกรณีอย่างที่ผมเจอ ก็ไม่สามารถใช้งานได้เต็มความสามารถ เพราะหน้าจอคอมพิวเตอร์ผมไม่สามารถส่งสัญญาณเสียงออกมาได้ Chromebit อาจจะเป็นทางเลือกในการใช้งานแบบสำรอง แต่ถ้าใช้งานเป็นหลักผมยังไม่แน่ใจนักครับ ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนแน่ๆ คือราคาที่ถูก แต่ด้วยความสงสัยต่างๆ ข้างต้น ก็ทำให้คิดว่าในท้ายที่สุดแล้ว Chromebit ก็อาจจะเหมือนกับพีซีแบบเดียวกัน คือมีตลาดเฉพาะทางไป แต่ไม่ได้รับความนิยมในวงกว้างอย่างที่ควรจะเป็น

    ข้อดี

    • ขนาดเล็ก พกพาสะดวก
    • ราคาถูก (ถ้าไม่โดนภาษี)
    • เปิดเครื่องเร็ว

    ข้อเสีย

    • มีพอร์ต USB เพียง 1 เดียว
    • ไม่มีปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง
    • ไม่มีสายสัญญาณสำหรับเสียง ในกรณีที่หน้าจอไม่มีลำโพงมาให้ในตัว
    • ราคาแพง (ถ้าโดนภาษี)
    • ไม่มีช่อง Kensington Lock (กรณีติดตั้งใช้งานระบบองค์กรที่อยู่กับที่)
    • ทำงานแบบออฟไลน์ไม่ดี ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก

    ข้อสังเกต

    • ใช้งานหนักๆ เครื่องจะเริ่มช้า
    Topics: ReviewChrome OSASUS
     

แบ่งปันหน้านี้