"ส.ตราสารหนี้" รับเฟดหยุดคิวอี-ขึ้นดอกเบี้ย ชี้เสี่ยงดึงเงินไหลออก แต่ปัจจัยในปท.ดีหนุนเงินไหลเข้า “สมาคมตราสารหนี้” รับเฟดหยุดคิวอี-ขึ้นดอกเบี้ย เป็นความเสี่ยงดึงเงินไหลออก แต่ปัจจัยในประเทศดีหนุนเงินไหลเข้าต่อเนื่อง หวังทั้งปีพลิกเป็นเงินไหลเข้าสุทธิ หลังครึ่งปีแรกเงินไหลออก 3.9 หมื่นล้านบาท ยอดถือครองต่างชาติล่าสุด 6.7 แสนล้านบาท ก.ล.ต.ออกเกณฑ์คุมขายตราสารหนี้ภาครัฐ ยึดแนวปฏิบัติเดียวกับภาคเอกชน โดยต้องยื่นแบบไฟลิ่ง เปิดเผยข้อมูลสำคัญ เริ่มบังคับใช้ 1 ม.ค. 2558 หวังยกระดับหน่วยงานรัฐเทียบเท่าสากล ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานกรรมการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มเงินทุนต่างชาติในช่วงครึ่งแรกที่ผ่านมายังคงเป็นเงินไหลออกสุทธิอยู่ประมาณ 39,000 ล้านบาท แต่หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าบริหารประเทศ และเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศ ทำให้ประเมินว่าทั้งปีนี้เงินทุนต่างชาติน่าจะเป็นยอดไหลเข้าสุทธิได้อีกครั้ง แต่ก็ขึ้นกับนโยบายอัดฉีดเม็ดเงินของต่างชาติด้วยเช่นกัน โดยปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบกับเงินทุนไหลเข้าออกของต่างชาติ ยังคงเป็นเรื่องของการยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของสหรัฐฯ และการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐที่จะมีขึ้น ซึ่งจะดึงให้เม็ดเงินลงทุนบางส่วนไหลกลับเข้าไปในสหรัฐอีกครั้ง เพราะเงินลงทุนต่างชาติทั้งที่อยู่ในตลาดหุ้นและในตลาดตราสารหนี้ เป็นเงินลงทุนซึ่งแสวงหาผลตอบแทน จึงพร้อมจะเคลื่อนย้ายเข้าออกได้ตลอดเวลา “ปัจจุบันตลาดตราสารหนี้ไทยมีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติอยู่ประมาณ 7.3% ของมูลค่าตราสารหนี้ทั้งหมด ซึ่งอาจจะดูไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคแต่ก็ถือเป็นระดับที่อาจจะเหมาะสม เพราะหากมากกว่านี้และมีการไหลเข้าออกของเงินทุน อาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนของไทยได้” ครึ่งปีแรก 'บอนด์ระยะสั้น' ไหลออก นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เงินต่างชาติไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ 39,000 ล้านบาท โดยเป็นการไหลออกจากตราสารหนี้ระยะสั้น 5,000 ล้านบาท และไหลออกจากตราสารหนี้ระยะยาว 34,000 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดการถือครองตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2557 อยู่ที่ 670,282 ล้านบาท ลดลงจากยอดถือครอง ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2556 ที่ 709,394 ล้านบาท หรือลดลง 5.51% ในส่วนของการออกหุ้นกู้นั้นพบว่า ภาคเอกชนออกหุ้นกู้รวม 298,570 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 182,019 ล้านบาท ในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้น 64.03% โดยกลุ่มของธุรกิจที่ออกหุ้นกู้สูงสุดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ได้แก่ กลุ่มพลังงาน กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มธนาคาร ตามทิศทางของดอกเบี้ยในประเทศที่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยมีบริษัทเอกชนที่ออกหุ้นกู้รวม 56 บริษัท ในจำนวนนี้เป็นบริษัทใหม่ที่ออกหุ้นกู้เป็นครั้งแรก (newcomer) จำนวน 10 บริษัท เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ออกหุ้นกู้ทั้งหมด 45 แสดงให้เห็นถึงทิศทางของตลาดหุ้นกู้ที่ได้รับความสนใจจากภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง ส่วนความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลช่วง 6 เดือนแรก ปรับตัวลดลงประมาณ 0.25% ตามการลดลงของดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับตัวลดลงในช่วงประมาณ 0.25 - 0.30% ตามทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต.คุมขาย 'บอนด์รัฐ' ยึดกฎเอกชน นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุนมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การออกและเสนอขายตราสารหนี้ของหน่วยงานภาครัฐ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ได้แก่ องค์กรมหาชน องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 ม.ค. 2558 ครอบคลุมทั้งการออกและเสนอขายในประเทศที่เป็นสกุลเงินบาทและสกุลเงินตราต่างประเทศ และการออกและเสนอขายผู้ลงทุนในต่างประเทศ เพื่อให้เป็นไปแนวทางเดียวกับบริษัทจำกัดและบริษัทมหาชนจำกัด หน่วยงานภาครัฐต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเปิดเผยข้อมูลเช่นเดียวกับภาคเอกชน กล่าวคือ หากเป็นการเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป ต้องยื่นคำขอต่อ ก.ล.ต. โดยมีงบการเงินเป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ไม่ค้างการนำส่งงบการเงินหรือรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินต่อ ก.ล.ต. อีกทั้งต้องมีผู้บริหารที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลแก่ผู้ลงทุนโดยยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (filing) และเพิ่มเติมข้อมูลที่สำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน เช่น กระทรวงการคลังไม่ได้ค้ำประกันทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยของตราสาร แหล่งที่มาของเงินเพื่อชำระหนี้ เป็นต้น รวมถึงลักษณะการประกอบการที่นำมาใช้วิเคราะห์ความเสี่ยงในการได้รับชำระหนี้ได้ อีกทั้งต้องรายงานผลการขายและเปิดเผยข้อมูลภายหลังการเสนอขายเช่นเดียวกับหุ้นกู้ภาคเอกชน ทั้งนี้หากหน่วยงานภาครัฐต้องการเสนอขายแบบวงจำกัด หลักเกณฑ์การขออนุญาตและการเปิดเผยข้อมูลจะผ่อนคลายมากกว่าการเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป “ตราสารหนี้ได้รับความนิยมจากภาคเอกชนจำนวนมาก เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สนับสนุนการระดมทุนจากผู้มีเงินทุนได้โดยตรง เพียงแต่ต้องมีงบการเงินที่ได้มาตรฐานและมีผู้บริหารที่มีคุณสมบัติเหมาะสม รวมถึงเปิดเผยข้อมูลสำคัญ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอสำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน การออกหลักเกณฑ์ในครั้งนี้ นับเป็นการสนับสนุนการออกและเสนอขายตราสารหนี้ของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานของหน่วยงานภาครัฐให้เทียบเท่าสากล และสร้างทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย” นายวรพล กล่าว ยันไม่มีผลกระทบต่อตลาด “ส่วนเกณฑ์ใหม่ของก.ล.ต. ที่มีหลักเกณฑ์การออกและเสนอขายตราสารหนี้ของหน่วยงานภาครัฐตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ได้แก่ องค์กรมหาชน องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2558 นั้น จะไม่รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจแต่ประการใด ดังนั้นก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการออกพันธบัตรภาครัฐแต่ประการใด และปัจจุบันตราสารหนี้ของหน่วยงานดังกล่าวก็ยังไม่มีการออกแต่ประการใด เพียงแต่อาจจะออกเกณฑ์มารองรับการออกตราสารหนี้ขององค์กรเหล่านี้ที่อาจจะมีขึ้นในอนาคตเป็นสำคัญ ไม่ได้เกี่ยวกับพันธบัตรภาครัฐหรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจแต่ประการใด” นายธาดา กล่าว นายธาดา ยังกล่าวอีกว่า หลังจาก คสช. ประกาศแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ (Roadmap) ในช่วงปลายเดือน พ.ค. 2557 ที่ผ่านมา เม็ดเงินต่างชาติกลับมาไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยอีกครั้ง โดยในช่วง 25 วันทำการนับจากวันที่ 26 พ.ค. ที่ คสช. ประกาศ Roadmap จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. มีเงินต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยกว่า 29,300 ล้านบาท แบ่งเป็นการไหลเข้าในตราสารหนี้ระยะสั้น 27,200 ล้านบาท และไหลเข้าในตราสารหนี้ระยะยาว 2,100 ล้านบาท ถือเป็นแนวโน้มที่ดีกับตลาดตราสารหนี้ในช่วงถัดไป และมีแนวโน้มจะไหลเข้าต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีเช่นกัน “คาดว่าภาคเอกชนจะระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้อย่างต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 ตามทิศทางของดอกเบี้ยในประเทศที่ยังอยู่ในระดับต่ำ บวกกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เริ่มมีสัญญาณชัดเจนมากขึ้นหลังปัญหาการเมืองคลี่คลายลง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่น่าจะสนับสนุนให้เอกชนระดมทุนผ่านหุ้นกู้อย่างต่อเนื่อง โดยทิศทางของผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นนั้นขึ้นอยู่กับระดับของดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1 วัน) ในช่วงถัดจากนี้ไป ซึ่งคาดว่ามีโอกาสสูงที่จะคงอยู่ ณ ระดับปัจจุบันไปอีกระยะเวลาหนึ่งขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศเป็นสำคัญ” Tags : สมาคมตราสารหนี้ • คิวอี • เฟด • ดอกเบี้ย • ก.ล.ต. • ธาดา พฤฒิธาดา • บอนด์ • ตลาด