"ทรัพย์ศรีไทย" รับรู้กำไร 828 ล้านบาท จากการขายสินทรัพย์ไตรมาส 3 นี้ เร่งปิดดีลขายน้ำมันพืชทิพ นายสัมฤทธิ์ ตันติดิลกกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรัพย์ศรีไทย (SST) กล่าวว่า บริษัทจะสามารถบันทึกจากการขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทรัพย์ศรีไทยสมาร์ท สโตร์เรจ (SSTSS) ได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยจะได้กำไรจากส่วนแบ่งราว 50% ขณะเดียวกัน บริษัทได้ถือหุ้นในกองทุน SSTSS อีก 15% จะได้ปันผลในส่วนนี้ด้วย เขากล่าวเพิ่มว่า บริษัทประเมินว่าจะมีกำไรจากการขายธุรกิจน้ำมันพืช ยี่ห้อทิพ ประมาณ 100 ล้านบาท ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนเจรจาและดำเนินการ ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 2/2557 เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการจำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในอุตสาหกรรมวิวัฒน์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 99.96% รวมถึงเครื่องหมายการค้าและสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมวิวัฒน์ คิดเป็นมูลค่ารวมสิ่งตอบแทน ประมาณ 75 ล้านบาท ให้แก่บริษัท ไซม์-มรกต โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) และ Sime Darby Plantation Europe LTD., โดยทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทภายใต้ Sime Darby Group ประเทศมาเลเซีย ปี 2557 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวม 15% โดยคาดว่า ธุรกิจคลังสินค้าปีนี้จะเติบโต 10% และธุรกิจอาหารจะเติบโต 19% ทั้งนี้ เชื่อว่าทั้ง 2 ธุรกิจนี้ มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการบริโภคในประเทศฟื้นตัว และธุรกิจคลังสินค้ามีจำนวนลูกค้าที่ให้ความสนใจเข้ามาจัดเก็บเอกสารเป็นจำนวนมาก โดยบริษัทกำหนดงบลงทุนปีนี้ 500-600 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับก่อสร้างอาคารคลังเก็บสินค้าและเก็บเอกสารเฟส 2 ซึ่งมีเนื้อที่ราว 8,700 ตารางเมตร คาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จสิ้นปี 2558 ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหาร 80% และคลังสินค้า 20% ด้านนักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า การที่บริษัท ทรัพย์ศรีไทย ได้ขายน้ำมันพืช "ทิพ" ให้ Sime Darby Plantation จะช่วยให้ผลประกอบการจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ประกอบด้วย Au Bon Pain, Dunkin Donuts และ Baskin Robbins ดีขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ธุรกิจน้ำมันพืชและอาหารสัตว์ขาดทุน 84 ล้านบาท ในปี 2556 ขณะที่ธุรกิจอาหารซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 83% ในปี 2556 และมีอีบิด้า 63 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายการบันทึกผลต่างค่าเสื่อมธุรกิจอาหารสัตว์และน้ำมันพืช (Goodwill) 42 ล้านบาท และ 32 ล้านบาท ในธุรกิจอาหาร จากกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นการเติบโตแบบ Inorganic Growth ผ่านการทำ M&A กิจการใหม่ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งบริษัทเปิดกว้างและมีการเจรจาอยู่อย่างต่อเนื่อง ตามที่ปรากฏเป็นข่าว คาดว่าจะมีการปิดดีลธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่มอย่างน้อย 1 แห่งในปีนี้ จะช่วยหนุนการเติบโตของบริษัทได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน การจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์จะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง และลดภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง และส่งผลให้การขยายกิจการเป็นไปได้ดีขึ้น เนื่องจากจะมีกระแสเงินสดเข้ามาเพื่อซื้อกิจการใหม่ๆได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความเสี่ยงคือ สภาพคล่องของหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำ และความคาดหวังของตลาดต่อกรณี M&A จะส่งผลต่อความผันผวนของราคาหุ้น Tags : สัมฤทธิ์ ตันติดิลกกุล • ทรัพย์ศรีไทย