นอมินีต่างชาติขายหุ้นเอสวีไอ

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    "เอชเอสบีซี-สเตรทสตรีทแบงก์ ยุโรป" ลดสัดส่วนถือหุ้นเอสวีไอ 1 เดือนขายรวม 40 ล้านหุ้น

    จากการรวบรวมข้อมูลในส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสวีไอ(SVI) เดือนพ.ค.เทียบเม.ย.พบว่านอมินีต่างชาติขายหุ้น 40 ล้านหุ้น โดยเฉพาะเอชเอสบีซี(สิงคโปร์)นอมินี ลดการถือครอง เหลือ 21.43 ล้านหุ้นจากเดิมถือ 52.14 ล้านหุ้น ลดลง 30.70 ล้านหุ้น และสเตรทสตรีทแบงก์ ยุโรป เหลือ 12.81 ล้านหุ้น จากเดิมคือ 23.64 ล้านหุ้นลดลง 10.82 ล้านหุ้น

    นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่าการที่กองทุนต่างชาติ ทยอยลดสัดส่วนถือหุ้นช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากอยู่ในช่วงการเมืองในประเทศมีการเปลี่ยนแปลง และยังไม่ชัดเจนทำให้ลดสัดส่วนการถือครอง แม้ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจะฟื้นตัว โดยเฉพาะไตรมาส 2 ปีนี้ คาดจะดีขึ้นจากไตรมาสแรกปีนี้ โดยคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 10% และยังได้เงินประกันน้ำท่วมในส่วนของสินทรัพย์อีกราว 100 ล้านบาทเข้ามา

    การเมืองที่เกิดขึ้นในไทยส่งผลให้การมาตรวจโรงงานของลูกค้าใหม่ ยังไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ แต่ยังได้ปัจจัยบวกจากคำสั่งซื้อของลูกค้าเดิมที่แข็งแกร่ง การควบรวมกิจการ ( M&A) จะมีการเจรจากับผู้ร่วมทุนรายใหม่คาดจะทราบผลภายในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ แนะนำ

    นักวิเคราะห์บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2 ปีนี้ที่ 216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากงวดไตรมาสแรกปีนี้ และเพิ่มขึ้น 82% จากงวดเดียวกันปีก่อน จากรายได้ที่หนาแน่นขึ้นจากลูกค้าใหม่ไตรมาส 3 ปีนี้ มีแนวโน้มเติบโตสูงต่อจากผลของฤดูกาล และอาจได้ลูกค้าใหม่ในกลุ่มยานยนต์อีก 2 ราย ร่วมถึงประเด็น M&A ที่อาจมีความชัดเจนใน 2-3 เดือนข้างหน้า เป็น 2 ปัจจัยบวกใหม่ที่เป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม ขณะที่ประมาณการรายได้ปัจจุบันความเสี่ยงมีจำกัด เพราะมีคำสั่งซื้อรองรับแล้ว 93%

    "คาดรายได้ไตรมาส 2 ปีนี้อยู่ที่ 2,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากงวดเดียววกันปีก่อน เนื่องจากลูกค้ารายใหม่เข้ามา 1 ราย ในไตรมาสแรกปีนี้ และอีก 1 รายเข้ามาในไตรมาส 2 ปีนี้ อัตรากำไรขั้นต้นคาด 11.6% เท่ากับไตรมาสแรกปีนี้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายอื่นอยู่ในระดับปกติ คาดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 35 ล้านบาท และมีกำไรพิเศษจากเงินประกันน้ำท่วมอีก 100 ล้านบาท คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 281 ล้านบาท ส่วนกำไรปกติอยู่ที่ 216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82% จากงวดเดียวกันปีก่อน"

    ปัจจุบันโรงงานที่นิคมบางกระดี จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว 100% พร้อมกับมีลูกค้ารายใหม่รายที่ 3 เริ่มส่งคำสั่งซื้อในช่วง ไตรมาส2 ปีนี้ จะหนาแน่นขึ้นในไตรมาส 3 ซึ่งจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี

    ส่วนแนวโน้มที่จะได้รับลูกค้าใหม่ในกลุ่มสินค้าใหม่ คือ ยานยนต์ยักษ์ใหญ่ 2 ราย ทั้งรถยนต์สหรัฐ และยุโรป รู้ผลในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งผู้บริหารมั่นใจว่าจะได้อย่างน้อย 1 ราย แต่ละรายสร้างรายได้สูงสุดถึง 100 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะผลิตที่โรงงาน SVI 2 ที่ปัจจุบันปิดอยู่จะเริ่มกลับมาเปิด รองรับได้ราว 200ล้านดอลลาร์ต่อปี จะทำให้ทั้งหมดมีกำลังการผลิต 550 ล้านดอลลาร์ต่อปี ส่วนประเด็น M&A คาดว่าจะมีความชัดเจนในราวอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเสริมธุรกิจ

    ส่วนกรณีหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวลงแรงหลังมีรายงานข่าวการลดความสัมพันธ์ของอียูต่อไทย ทำให้เกิดความกังวล 2 ประเด็นหลักคือ อาจไม่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งผู้ประกอบการชิ้นส่วนฯ ไม่เคยได้รับประโยชน์ดังกล่าวอยู่เดิมแล้ว เพราะอียูจะให้ประโยชน์กับสินค้าสำเร็จรูปมากกว่า การจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนการพิจารณาเอฟทีเอ ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจชิ้นส่วนฯ เพราะไม่ใช่สินค้าสำเร็จรูป และอาจมีความเสี่ยงในการห้ามนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กฯ จากไทย

    ดังนั้นฝ่ายวิจัยประเมินว่า เป็นไปได้น้อยมาก เพราะไม่เพียงแต่กระทบผู้ประกอบการไทยเท่านั้น แต่กระทบผู้ประกอบการรถยนต์ในยุโรปที่ต้องเปลี่ยนซัพพลายเออรายใหม่ ต้องใช้เวลาตรวจสอบโรงงาน และคุณภาพ ซึ่งต้องแลกกับเวลานานเป็นปีในการตรวจสอบคุณภาพ อาจทำให้สายการผลิตหยุดชะงัก และอาจมีต้นทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการไทยผลิตได้ในราคาต่ำจึงขายสินค้าที่มีคุณภาพได้ในราคาที่ต่ำกว่า

    แม้ว่ามีรายได้ส่วนใหญ่จากลูกค้ายุโรป แต่สินค้าของลูกค้าถูกส่งออกไปขายทั่วโลก ไม่ใช่เพียงแต่ในอียูเท่านั้น ดังนั้นผลกระทบจึงไม่น่ากังวล ทั้งหุ้นเคซีอีหรือหุ้นเอสวีไอ ซึ่งลูกค้ากลุ่มยานยนต์ยุโรป และสหรัฐที่รอผลอนุมัติจากลูกค้ายังเป็นไปตามกำหนดเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง

    Tags : นอมินี • ต่างชาติ • ขายหุ้น • เอสวีไอ

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้