ไทยพาณิชย์คาดทั้งปีนี้ช่วยลูกค้าระดมทุนมากถึง2แสนล้านบาทชี้เฉพาะครึ่งปีหลังเริ่มเห็นการระดมทุนคึกคัก นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปีนี้คาดว่าธนาคารจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการระดมทุนของลูกค้า คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 1.5-2 แสนล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยจะเห็นการระดมทุนที่ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งสวนทางจากปีก่อนๆ ที่จะเห็นดีลต่างๆ เกิดขึ้นช่วงครึ่งแรกของปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยการเมืองช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้การชะลอตัวทางเศรษฐกิจนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น จากการใช้จ่ายเกินตัว และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงในปีที่ผ่านมา ขณะที่ปัญหาการเมืองในช่วงปลายปีที่แล้วถึงต้นปีนี้ มากระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงภาคท่องเที่ยวและบริการที่มีแรงงานจำนวนมากได้รับผลกระทบ และในภาคการลงทุนเมื่อไม่มีรัฐบาลและคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ การขออนุญาตการลงทุนก็สะดุดไปด้วย แต่ความต้องการลงทุนยังมี แม้จะชะลอออกไป แต่ก็ไม่ได้ยุติแผนลงทุน เขากล่าวว่าขณะนี้ความเชื่อมั่นเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีดีลของลูกค้าขนาดใหญ่ทั้งในแง่การลงทุน ซื้อกิจการทั้งในและต่างประเทศให้เห็น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทำสัญญากับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่ง โดยคาดว่าใน 1-2 เดือนนี้ดีลดังกล่าวจะแล้วเสร็จ เป็นการควบรวมกิจการในต่างประเทศ มูลค่าดีลค่อนข้างใหญ่หลักหมื่นล้านบาท รวมถึงการจัดโครงสร้างทุนและหาพันธมิตรของบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น ขณะเดียวกันช่วงปลายไตรมาส 3 ถึงต้นไตรมาส 4 นี้ธนาคารมีดีลที่จะช่วยลูกค้าระดมทุนผ่าน หุ้นกู้แปลงสภาพหลักหมื่นล้านบาทอีกด้วย สำหรับลูกค้าในกลุ่มรัฐวิสาหกิจในช่วงที่ผ่านมา มีดีลที่เคยทำสัญญาไว้แล้ว แต่ต้องชะลอออกไปเพราะปัจจัยทางการเมือง เช่นดีลที่ธนาคารได้รับแต่งตั้งจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฝผ.) ให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ในการศึกษาการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือ ที่แผนเดิมจะสามารถออกขายกองทุนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่ติดที่ไม่มีคณะรัฐมนตรีทำให้ไม่สามารถออกได้ นอกจากนี้เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีการจัดตั้งซูเปอร์บอร์ดขึ้นมาดูแลรัฐวิสาหกิจ อาจทำให้การพิจารณาโครงการต่าง ๆ ต้องมีการทบทวนมากขึ้น ว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของบริษัทในกลุ่มรัฐวิสาหกิจหรือไม่อย่างไร นโยบายที่กระทบมาถึงอุตสาหกรรมบางประเภท เช่นโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จะเกิดอะไรขึ้นตามมาบ้าง รวมถึงอุตสาหกรรมพลังงานและโทรคมนาคมและการขนส่งมวลชนที่จะต้องเปลี่ยนหมด อย่างไรก็ตามฐานลูกค้าที่เป็นรัฐวิสาหกิจสร้างรายได้ให้ธนาคารไม่มากนัก หากโครงการเหล่านี้ชะลอออกไปก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก นายอาทิตย์กล่าวว่า กลยุทธ์การทำธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารนั้น จะไม่มุ่งเน้นการให้สินเชื่อมากนัก เนื่องจากต้องการเพิ่มสัดส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียม ที่ไม่ต้องมีความเสี่ยงหรือใช้ทุนในการปล่อยกู้ ทั้งธุรกิจด้านวาณิชธนกิจ ตราสารหนี้หรือธุรกิจปริวรรตเงินตราต่างประเทศ โดยในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ยุทธศาสตร์ดังกล่าวทำให้สัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยของธนาคาร ลดลงจากเดิมที่มีอยู่ 65:35 เป็น 50:50 แล้วในปัจจุบัน ส่วนการให้สินเชื่อนั้นจะเป็นเพียงตัวสนับสนุนธุรกรรมต่าง ๆ ให้ดำเนินไปได้โดยสมบูรณ์ เช่นลูกค้าที่ต้องการทำการค้าระหว่างประเทศ หรือการควบรวมกิจการ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการใช้สินเชื่อระยะสั้นอยู่บ้าง เนื่องจากรายได้จากสินเชื่อเมื่อเปรียบเทียบกับความเสี่ยงแล้ว สร้างรายได้ให้ธนาคารไม่ถึง 20% นอกจากนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายในระยะยาวว่า จะมีรายได้ค่าธรรมเนียมต่อพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 25-30% จากปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำกว่า 20% ดังนั้นในอนาคตจะเห็นการให้สินเชื่อลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้การขยายสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เติบโต 1.9% และทั้งปีนี้น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ ยกเว้นแต่จะมีดีลใหญ่ที่ต้องการใช้สินเชื่อเข้ามาบ้าง โดยพอร์ตสินเชื่อในขณะนี้มีอยู่ที่ 6.4 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามรายได้ค่าธรรมเนียมที่หลักๆ ของสายงานธุรกิจขนาดใหญ่มาจากธุรกิจด้านการค้าระหว่างประเทศ และปริวรรตเงินตราต่างประเทศ แต่ในปีนี้ยอมรับว่ารายได้ในส่วนนี้ชะลอตัวลง ตามปริมาณการส่งออกที่ปรับลดลง สำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หากสามารถเกิดได้ในเร็วๆ นี้ก็เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อการขยายสินเชื่อมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรับเหมาที่จะสามารถเบิกค่าก่อสร้างเป็นงวดๆ ไป และส่งต่อเป็นห่วงโซ่ธุรกิจ จึงไม่จำเป็นต้องใช้วงเงินมากนัก ขณะที่การระดมทุนของรัฐวิสาหกิจ ธนาคารอาจเข้าร่วมประมูลเงินกู้บ้างตามความจำเป็น แต่คงไม่แข่งราคามากนัก เนื่องจากผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำ Tags : ไทยพาณิชย์ • ระดมทุน • อาทิตย์ นันทวิทยา