"เกศรา มัญชุศรี" เปิด 3 ภารกิจใหญ่ต้องเร่งดำเนินการ ยอมรับเอาผิดคดีปั่นหุ้นโจทย์ใหญ่ หลังจาก 1 เดือนที่ผ่านมา นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คนที่ 12 เข้ารับตำแหน่ง เธอยอมรับว่า เป็นเรื่องของการทำความเข้าใจ หรือการสื่อสาร ถือเป็นบทเรียนที่ 1 ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อจะได้สื่อสารระหว่างกรรมการผู้จัดขึ้นไปข้างบนคือคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ จากนั้นก็ต้องมีการสื่อสารไปยังพนักงาน หรือลงไปข้างล่าง ขณะเดียวกันก็ต้องสื่อสารไปรอบๆ ข้างเหมือน 360 องศา หรือแม้กับผู้สื่อข่าว กรรมการผู้จัดการก็ต้องสื่อสารไปถึง เพราะเป็นบทเรียนเรื่องการสื่อสารซึ่งกันและกัน "ยอมรับว่า ช่วงเดือนแรกการทำงานเยอะมาก เพราะมีบุคคลที่มีแสดงความยินดีกับเราด้วย และเราต้องออกไปพบปะ หรือสร้างความรู้จัก" สำหรับงานหลักที่ตลาดหลักทรัพย์นั้น เกศรา บอกว่า จะต้องการทำให้ตลาดหุ้นไทย ไม่ใช่เป็นตลาดหุ้นที่ให้บริการเฉพาะคนภายในประเทศไทย แต่เราต้องการทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดหุ้นระดับโลก โดยตลาดหุ้นไทยจะไปถึงระดับนั้นได้ จะต้องทำให้ตัวธุรกิจหลักมีความแข็งแรง มั่นคง ใหญ่โต จากนั้นจึงจะออกไปทำธุรกรรมในต่างประเทศได้ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ จะต้องลงทุนลงแรงอย่างจริงจัง โดยคาดจะต้องใช้เวลานานกว่า 12-18 เดือนถึงจะเห็นผล "มนุษย์เราชอบที่จะทำอะไรใหม่ คำตอบอาจจะไม่ถูกใจตามการคาดหวัง เพราะการทำงานในตลาดหลักทรัพย์ จะต้องทำงานต่อเนื่อง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ทำในเรื่องที่เราเก่งอยู่แล้ว ได้แก่ เรื่องเกี่ยวกับการจดทะเบียน มีไอพีโอเข้ามา ทำให้มีสภาพคล่อง มีการขยายฐานผู้ลงทุน ฟังดูไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นธุรกิจหลักของตลาดหลักทรัพย์ ไม่ทำพูดน้อยความสมดุลมีเยอะ" เธอยังบอกด้วยว่า ตลาดหลักทรัพย์ มีแผนที่จะขยายงานหลังบ้าน โดยให้มีความรวดเร็ว และสามารถเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศได้ แม้จะลงทุนไม่มาก โดยเฉพาะระบบเคลียริ่งชำระราคา ซึ่งเตรียมจะเปิดดำเนินการในเดือนมิ.ย.-ก.ค.2558 ซึ่งจะทำให้การทำงานในอุตสาหกรรมนี้เร็วขึ้นและสะดวกขึ้น ซึ่งการชำระราคาเดิม ตลาดหลักทรัพย์จะไม่มีการดำเนินการกับลูกค้าโดยตรง จะทำการชำระราคากับโบรกเกอร์ ในอนาคต จะเก็บข้อมูลของลูกค้าเป็นรายบุคคล ซึ่งจะทำให้ปิดสมุดทะเบียนเร็วขึ้น "จะยกระดับมาตรฐานทั้งในกระบวนการทำงาน มาตรฐานการกำกับความเสี่ยง มาตรฐานของเงินทุน มาตรฐานระบบหลังการซื้อขาย (post-trade) ให้เทียบเท่ากับสหรัฐและยุโรป เพื่อทำให้สามารถเชื่อมโยงระบบการรับชำระกับต่างประเทศได้” นอกจากนี้ เธอยังบอกด้วยว่า สำหรับ 3 แผนงานใหญ่ที่ได้รับโจทย์มาจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์นั้น ได้แก่ เรื่องการสกัดการเก็งกำไร การปั่นหุ้น หรือการเอาเปรียบของนักลงทุน และยอมรับว่า ที่ผ่านมาไม่สามารถเอาผิดกรณีปั่นหุ้นได้ ซึ่งถือว่าเรื่องนี้เป็นงานหลักที่ต้องเร่งดำเนินการ และได้มีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการที่จะดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วขึ้น และสามารถเอาผู้กระทำความผิดมาขึ้นศาลให้ได้ "เป็นเรื่องที่ต้องทำงานร่วมกับก.ล.ต. ซึ่งขณะนี้ ก.ล.ต. กำลังตามเรื่องนี้อยู่ เพราะก.ล.ต.จะต้องมีการพูดคุยกับดีเอสไอ ยอมรับว่าเป็นโจทย์ใหญ่ที่เราทำงานร่วมกันอยู่กับก.ล.ต." ขณะเดียวกันก็จะต้องทำให้การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ มีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังต้องทำให้บริษัทจดทะเบียนมีคุณภาพ และมีความเป็นธรรมต่อผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้นด้วย โดยขณะนี้ระบบตรวจสอบการซื้อขายจริง ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์แล้ว นอกจากนี้ ยังมีแผนงานที่สอง คือ การพัฒนาการซื้อสินค้าสินค้าเกษตรล่วงหน้า ให้เข้ามาโยงระบบการซื้อขายเข้ากับตลาดหลักทรัพย์ หากมีความเป็นไปได้ และทางการอนุมัติให้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เข้ามารวมอยู่ในตลาดหลักหลักทรัพย์ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที เพราะตลาดหลักทรัพย์ มีความพร้อมที่จะเชื่อมโยงระบบซื้อขายอยู่แล้ว และแผนงานที่ 3 คือ การสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายทองคำ เนื่องจากไทยติด 1 ใน 5 อันดับที่มีการซื้อขายทองคำมากที่สุดในโลก Tags : เกศรา มัญชุศรี • ตลาดหลักทรัพย์ • ก.ล.ต. • ปั่นหุ้น