เว็บไซต์ข่าวไอทีด้านความปลอดภัย Naked Security ของ Sophos รายงานโดยอ้างอิงงานวิจัยจากคณะวิจัยร่วมจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ วิทยาเขตเออร์บานา, มหาวิทยาลัยมิชิแกน และ Google ที่มีผลสรุปว่า กว่าครึ่งของไดร์ฟ USB (มักจะเรียกสั้นๆ ว่า thumb drive) ที่ทำตกหรือสูญหาย มักจะถูกเสียบเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้เผยแพร่มัลแวร์อื่นๆ ได้โดยง่าย งานวิจัยดังกล่าวรใช้ไดร์ฟ USB กว่า 297 ชิ้น ไปวางไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ โดยมีไดร์ฟที่ถูกเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์มากถึงร้อยละ 98 และไฟล์ในคอมพิวเตอร์ถูกเปิดมากกว่าถึงร้อยละ 45 ซึ่งนั่นก็แปลว่าโอกาสที่จะถูกโจมตีด้านความปลอดภัยจากไดร์ฟที่ตกเหล่านี้ เป็นไปได้ตั้งแต่ร้อยละ 45 - 98 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใน 6.9 ชั่วโมงโดยเฉลี่ย (มีกรณีหนึ่งที่ภายในไม่เกิน 6 นาที ทางทีมวิจัยก็ได้รับโทรศัพท์ให้ไปรับคืน) โดยทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าตอของไดร์ฟที่ทำตก (บางอันถึงขั้นเขียนว่า "ผลการสอบ" หรือ "ลับมาก" (confidential) ด้วย) สิ่งที่น่าสนใจคือผู้ร่วมการวิจัยที่เปิดไฟล์ มีเพียงร้อยละ 16 ที่ตัดสินใจสั่งแสกนไดร์ฟเพื่อความปลอดภัย, ร้อยละ 8 เชื่อว่าคอมพิวเตอร์ตัวเองปลอดภัยและมีกลไกป้องกันที่ดีพอ (ตัวอย่างในงานวิจัยคือผู้เข้าร่วมวิจัยรายหนึ่งเชื่อว่า MacBook มีความปลอดภัยที่ดี) และอีกร้อย 8 ใช้คอมพิวเตอร์ของสถานศึกษาในการเปิดไดร์ฟเหล่านี้ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับเครื่องส่วนตัว ส่วนใหญ่ทำเพื่อพยายามหาว่าใครเป็นเจ้าของไดร์ฟนี้ สำหรับเรื่องการคืนนั้น มีตั้งแต่การติดต่อคืนกับแผนกไอทีของมหาวิทยาลัย, อีเมลไปหาทีมคณะร่วมวิจัย, ประกาศตามหาในสื่อสังคมออนไลน์ แต่มีสองกรณีที่ตามมาคืนให้กับนักวิจัยแทบจะทันที่นักวิจัยทิ้งไดร์ฟเอาไว้ คำเตือนจาก Sophos (และน่าจะเป็นคำเตือนที่ทุกคนต้องคิดไว้เป็นมาตรฐานอันดับแรก) คือการไม่เปิดไดร์ฟใดๆ ที่ตกอยู่ ใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันความปลอดภัยรุ่นล่าสุดตลอดเวลา และควรเข้ารหัสข้อมูลในไดร์ฟทั้งหมดเผื่อมีการสูญหาย ใครสนใจไปอ่านงานวิจัยชิ้นเต็มๆ ได้จากที่มาครับ (อ่านสนุกอยู่ทีเดียว) ที่มา - Naked Security, งานวิจัยต้นฉบับ Topics: SecurityResearchStorage