เลขาฯ ป.ป.ช. ร่วมตรวจสอบโกดังข้าวทั่วประเทศ หากพบข้าราชการ สูงกว่า ผอ. ร่วมทุจริต ก็มีอำนาจในการพิจารณา ขณะ ข้าวโกดังอีสานเปลี่ยนสี น้ำหนักขาด จ่อเอาผิด นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการลงพื้นที่ร่วมกับอนุกรรมการตรวจสอบข้าวคงเหลือของรัฐ ว่า ในส่วนของ ป.ป.ช. นั้น มีหน้าที่เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ในการตรวจสอบปริมาณข้าวและคุณภาพของข้าวในโกดังต่าง ๆ ทั่วประเทศ เท่านั้น ซึ่งหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมทุจริต ก็จะเป็นอำนาจของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ในการดำเนินคดี แต่ทั้งนี้ อนุกรรมการตรวจสอบข้าวคงเหลือของรัฐ ก็ยังไม่ได้ตัดอำนาจของ ป.ป.ช. ออกไป เพราะหากมีการตรวจพบว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด มีตำแหน่งหน้าที่สูงกว่าระดับผู้อำนวยการกองฯ ขึ้นไป ก็เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ในการดำเนินคดี ทั้งนี้ นาย สรรเสริญ ยังกล่าวถึงคดีรับโครงการจำนำข้าว ว่า ขณะนี้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น ได้มีการไต่สวนพยานเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งกรอบเวลาในการชี้มูลยังอยู่ในช่วงเดือนกันยายนนี้ แต่หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาสำนวนได้เสร็จสิ้นเร็วกว่ากำหนด ก็อาจจะชี้มูลได้เร็วขึ้น ส่วนกลุ่มบริษัทต่าง ๆ กว่า 90 บริษัท ที่มีส่วนร่วมในการกระทำทุจริตนั้น ยังคงทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับ ป.ป.ช. อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีเข้ามากว่า 50 % ข้าวโกดังอีสานเปลี่ยนสี น้ำหนักขาด จ่อเอาผิด พลโทชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ขณะนี้การตรวจโกดังข้าว พื้นที่ 14 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดำเนินการไปแล้วกว่า 20% จากรายงานทราบว่า เจ้าหน้าที่พบสิ่งผิดปกติในโกดังหลายแห่ง โดยบางแห่งพบว่าข้าวเปลี่ยนสี จึงจำเป็นต้องส่งพิสูจน์ DNA ว่าตรงกับที่แจ้งไว้หรือไม่ ขณะที่บางแห่งมีมอดกัดกินเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นได้สั่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน และในส่วนของข้าวไม่ได้น้ำหนักตามเกณฑ์ กำลังรอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าชี้แจง อย่างไรก็ตาม แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า หากพบว่า มีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริง จะแจ้งความดำเนินคดีทันที และการตรวจโกดังข้าว 312 แห่ง ใน 14 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะแล้วเสร็จในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้