เอ็มจีตั้งโจทย์ในการเปิดตัวรถรุ่นแรกในไทย "เอ็มจี 6" ภายใต้การทำตลาดของบริษัทร่วมทุน "เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี" คือเป็นทางเลือกของตลาด ในขนาด และเครื่องยนต์ กลุ่ม ซี-เซ็กเมนท์ เอ็มจี พยายามหลีกเลี่ยงคำว่า การเข้ามาเล่นในตลาดซี-เซ็กเมนท์ เหมือนจะพยายามบอกว่า ไม่ได้ต้องการเข้ามาแข่งขันกับรถในตลาดนี้โดยตรง แต่เป็นรถที่เหมือนจะตลาดเดียวกัน แต่ไม่ใช่ เป็นการลดแรงเสียดทานจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดนี้ ที่เอ็มจีจะต้องสร้างเอกลักษณ์ สร้างความแตกต่างให้กับตัวเอง ซึ่งจะแตกต่างหรือไม่ อย่างไร เดี๋ยวต้องลองครับ เอ็มจีเปิดราคาที่ 8.48 แสนบาท และไล่เรื่อยขึ้นไปทั้งหมด 8 รุ่นย่อย จนถึง 1.12 ล้านบาท ในรุ่นท็อป ฟาสต์แบค เทอร์โบ พร้อมซันรูฟ ซึ่งราคานี้เป็นอย่างไร ก็ว่ากันไปครับ บางคนก็ว่าแรงไปหน่อย บางคนก็ว่าเกาะกลุ่มกัน บางคนบอกว่าในฐานะผู้มาใหม่น่าจะกดราคาลงกว่านี้อีกสักหน่อย หากต้องการแจ้งเกิด แต่เอ็มจี อาจจะไม่คิดอย่างนั้นก็ได้ เพราะหากใช้วิธีการด้านราคา ในอนาคต อาจไม่สามารถดันราคาขึ้นมาได้ และภาพของการเป็นรถถูกจะติดตัวไปอีกนาน ซึ่งก็แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งนั้นเอ็มจี มีแม่เป็นบริษัทรถยนต์จีน ซึ่งภาพที่คนไทยหลายคนมอง ก็ยังไม่ได้ออกมาในเชิงบวกมากนัก และเชื่อว่าสินค้าจีนต้องราคาถูกกว่า ก็คงจะเป็นการบ้านที่คนทำตลาดจะต้องข้ามไปให้ได้ และส่วนสำคัญก็คือเรื่องของราคานี่แหละครับ และเมื่อดูจากท่าทีของผู้บริหารที่บอกว่า ปีหน้าจะมีรถรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม ทั้งเอ็มจี 3 และเอ็มจี 5 ซึ่งเป็นรถขนาดเล็ก และจะเป็นตัวสร้างยอดขายหลัก ดังนั้นเอ็มจี 6 อาจจะเป็นตัววางฐานสร้างภาพลักษณ์ก่อนก็ได้ เอ็มจี 6 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร 134 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 170 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ/นาที และมีรุ่นเทอร์โบ ที่ขยับกำลังขึ้นไป 161 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 215 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,500 รอบ/นาที ทุกรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติ คลัทช์คู่ 6 สปีด เอ็มจี 6 ส่งถึงมือผมด้วยรุ่นท็อป แฮทช์แบค มีซันรูฟเอาไว้เปิดรับอากาศบริสุทธิ์ และอุปกรณ์มาตรฐานสำคัญเช่น เบาะผสมหนังแท้และสังเคราะห์สีดำ เติมอารมณ์สปอร์ตด้วยตะเข็บแดง เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมระบบเครื่องเสียง และข้อมูลการขับขี่ เช่นอัตราสิ้นเปลือง ความเร็วเฉลี่ย รวมถึงมีแพดเดิลชิฟท์สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง กระจกไฟฟ้าแบบวันทัช 4 บาน กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ซึ่งหลังๆ ผมชักเริ่มเห็นว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญ เพราะมีคนไม่รู้เรื่องบนท้องถนนเยอะขึ้น ทั้งใช้ไฟสูง ไฟตัดหมอก ไม่รู้เวล่ำเวลา วิทยุ-ซีดี เอ็มพี 3 แบบ 1 แผ่น ลำโพง 6 ดอก แอร์ปรับแยก ซ้าย-ขวา กล่องเก็บของระหว่างเบาะ ต่อช่องแอร์เข้ามา รับรองว่าใส่ขวดน้ำ เครื่องดื่มเข้าไป จะได้ดื่มแบบเย็นเจี๊ยบแน่ แต่ก็ปิดได้หากว่าไม่ต้องการ ที่วางแก้วมีตำแหน่งเดียว เป็นปัญหาใหญ่หรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของคน เหมือนรถฝรั่งบางยี่ห้อ ช่วงหนึ่งก็ไม่มี ด้วยเหตุผลว่าไม่ควรจะกินอะไรในเวลาขับรถ แต่ที่พนักเท้าแขนที่ฝั่งอยู่ในเบาะหลัง เมื่อดึงลงมาก็จะได้ที่วางเพิ่มอีก 2 ตำแหน่งครับ และก็ยังมีช่องแอร์สำหรับเบาะหลังด้วย ส่วนอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย มีมาค่อนข้างครบ ทั้งเอบีเอส อีบีดี หรือระบบกระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรก หรือ บีเอ และยังมีระบบป้องกันการลื่นเมื่อลดเกียร์กะทันหัน ระบบควบคุมแรงเบรกในทางโค้ง ทีซีเอส หรือระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบช่วยออกตัวบนเนิน ซึ่งเป็นระบบที่หลังๆ เห็นว่าค่ายรถนิยมใส่เข้ามามากขึ้น ซึ่งโดยส่วนตัวผมว่ารถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติไม่น่าจะต้องมีก็ได้ ระบบตรวจสอบลมยาง สัญญาณกะระยะถอยหลัง ถุงลมคู่หน้า และด้านข้าง พูดถึงรูปทรง เอ็มจี 6 ออกแบบแนวหนักแน่น สุขุม เสริมสปอร์ตผ่านเส้นสายต่างๆ ถ้าเปรียบกันคนก็คงประมาณหนุ่มๆที่เริ่มทำงานแล้ว ภายในออกแบบค่อนข้างเรียบ มาตรวัดต่างๆ จอแสดงผล จับรวมอยู่ในกรอบเดียวกันรูปโค้งตั้งแต่กล่องเก็บของด้านซ้ายไปถึงประตูด้านขวา ผมชอบนะ เพราะเชื่อว่าจะดูได้นานๆ ไม่เบื่อง่ายๆ เบาะคนขับในส่วนพนักพิง กระชับลำตัวนั่งได้สบาย แต่ส่วนรองนั่งสั้นไปหน่อย ถ้ายืดยาวออกไปรับกับต้นขามากขึ้นจะดีกว่านี้ พวงมาลัยกระชับมือ ขนาดกำลังดี น้ำหนักที่ความเร็วต่ำอาจจะรู้สึกหนักไปหน่อย แต่ไม่มีปัญหาต่อการใช้งาน แต่มันช่วยได้มากที่ความเร็วสูง ควบคุมรถได้ง่าย ไม่รู้สึกเหนื่อย ช่วยการทรงตัวรถได้ดี ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยที่มีทั้งแบบกด และเลื่อน ยังไม่ค่อยถนัดมือเท่าไร ส่วนปุ่มปรับบนคอนโซลต่างๆ อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้ง่าย ผมว่าเสียงเครื่องยนต์ของเอ็มจีเพราะดี เหมาะกับที่ชอบขับรถแล้วได้ยินเสียงเครื่องยนต์บ้าง ไม่ได้เงียบกริบเสียทีเดียว เสียงออกไปในแนวทุ้ม ลึก ไม่ว่าจังหวะเดินเบา ขับขี่ทั่วไป หรือเมื่อกดเท้าลงไปบนคันเร่งแรงๆ เพื่อลดเกียร์ลงสำหรับเร่งแซง ไม่มีเสียงแหลมเล็กเหมือนเด็กงอแงเท่าไร การทำงานของเครื่องยนต์ 161 แรงม้า น่าพอใจ ออกตัวใช้ได้ อัตราเร่งช่วงกลางมีจังหวะหน่วงอยู่บ้าง ส่วนความเร็วปลายก็ไล่ขึ้นได้เรื่อยๆ 150-160 ไม่ใช่เรื่องยาก ช่วงล่างหน้า อิสระแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังอิสระ มัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ทำหน้าที่ได้ดี รถนิ่ง ในช่วงทางตรง ทางโค้งก็เล่นได้ มั่นใจว่าไม่หลุด การดูดซับแรงสะเทือนก็ทำได้ดีเช่นกัน ซึ่งถนนสายบ้านบึง-แกลง รับรองให้ในเรื่องนี้ กับการต้องรูดเลนซ้ายเป็นหลัก เนื่องจากเลนขวาที่เรียบ (กว่า) ถูกครองโดยสารพันรถสารพันคน และที่เด่นก็คือ เมื่อต้องขับเส้นมอเตอร์เวย์ เอ็มจี 6 จัดการกับคอสะพานได้ดี เมื่อรถพุ่งขึ้นไปอย่างเร็ว จังหวะลงมารู้สึกได้ว่าล้อจับกับถนนได้ทันที ไม่มีจังหวะเด้ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง ตรงนี้ทำให้นึกถึงรถยุโรป... ลืมไปว่าเอ็มจีเขาก็เป็นรถยุโรปเหมือนกัน เพราะว่าผ่านการวิจัยและพัฒนามาจากเบอร์มิงแฮม อังกฤษ อารมณ์การขับขี่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่สักหน่อย คือนิ่ง แน่น ไว้ใจได้ แต่ไม่ได้คมกริบ หรือออกอารมณ์สปอร์ตเต็มที่ แต่เชื่อว่าใครที่ชอบเดินทาง คงจะพอใจกับอารมณ์ของรถเพราะไม่เหนื่อยในการควบคุม ช่วงล่างดี สิ่งที่เอ็มจีบอกว่าต้องการให้เอ็มจี 6 เป็นตัวเลือกที่แตกต่าง ไม่หวังแข่งกับใครโดยตรงในตลาด ซี-เซ็กเมนท์ ผมว่าก็มีส่วนถูกของเขาครับ ทีนี้ก็เหลืออยู่ที่ว่าอารมณ์ที่ได้นี้ คนไทยชอบหรือไม่ชอบอย่างไรเท่านั้นครับ Tags : เอ็มจี 6 • รถยนต์ • ราคา • จีน • ท็อป