หุ้นเอเซียพุ่งทำ'นิวไฮ'ขานรับศก.สหรัฐฟื้น

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 5 กรกฎาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ตลาดหุ้นเอเชียพุ่งสูงสุดรอบ3ปี รับตัวเลขจ้างงานสหรัฐดีเกินคาด-ดาวโจนส์ทุบสถิติใหม่เหนือ17,000จุด

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีในวานนี้ (4 ก.ค.) ขณะที่ดอลลาร์ทรงตัวอยู่ใกล้ระดับสูงสุดของเมื่อวานนี้ หลังจากข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐ บ่งชี้ถึงการจ้างงานที่สูงเกินคาด และอัตราการว่างงานที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีและตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

    ดัชนีเอ็มเอสซีไอ สำหรับตลาดหุ้นเอเชีย-แปซิฟิก ไม่รวมญี่ปุ่น บวก 0.2% ในวันนี้ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2554 และมีแนวโน้มพุ่งขึ้น 0.7% ในสัปดาห์นี้

    ดัชนีนิกเคอิปรับตัวขึ้น 0.6% แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง และมีแนวโน้มทะยานขึ้น 2.3% ในสัปดาห์นี้

    "ข้อมูลดังกล่าวผลักดันนักลงทุนในวันนี้ และไม่มีแรงจูงใจที่จะขายหุ้น" นายเคียวยา โอกาซาวา หัวหน้าฝ่ายการลงทุนในหุ้นทั่วโลกและตราสารอนุพันธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของบีเอ็นพี พาริบาส์ในโตเกียวกล่าว

    ขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันที่ 4 ก.ค.นี้ เนื่องในวันชาติ

    กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 288,000 ตำแหน่งในเดือนที่ผ่านมาและอัตราการว่างงานร่วงลงสู่ 6.1% การจ้างงานขยายตัวมากกว่า 200,000 ตำแหน่งในแต่ละเดือนในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกัน 5 เดือนครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายปี 2533

    รายงานดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์พุ่งทะลุระดับ 17,000 และ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 2,000

    ด้านตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนวานนี้ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นชั้นนำส่วนใหญ่ ขณะที่นักลงทุนขานรับการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐ และการปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท โดยดัชนี S&P/ASX 200 ปิดตลาดบวก 33.8 จุด หรือ 0.61% มาที่ 5,525.0 ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน

    แต่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับผลประกอบการรายไตรมาสที่ย่ำแย่ได้ลดผลบวกจากรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

    ดัชนีคอมโพสิตปิดลบ 1.31 จุด หรือ 0.07% มาที่ 2,009.66 หลังจากพุ่งแตะ 2,018.35 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. โดยในสัปดาห์นี้ ดัชนีพุ่งขึ้น 1.1% ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดตั้งแต่กลางเดือนพ.ค.

    คาดสัปดาห์หุ้นไทยพุ่งแตะ1,520จุด

    สำหรับ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (4 ก.ค.) ดัชนีปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,500 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญได้ในช่วงเช้าของวัน และปรับขึ้นสูงสุดที่ระดับ 1,504.91 จุด ตามตลาดหุ้นภูมิภาค ที่ตอบรับข่าวตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ ประกอบกับมีแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในช่วงไตรมาส 2 ของวัน ดัชนีไม่สามารถปิดตลาดยืนที่ระดับ 1,500 จุด มาปิดตลาดที่ระดับ 1,495.83 จุด ปรับขึ้น 2.62 จุด หรือ 0.18% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 เดือน นับจากวันที่ 24 ก.ค. 2556 ที่ดัชนีปิดที่ระดับ 1,501.36 จุด

    นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ภาพรวมภาวะตลาดหุ้นไทย ปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะดาวโจนส์ที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 17,000 จุด ซึ่งเป็นผลจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ การจ้างงานปรับลดลงต่อเนื่อง

    ขณะที่ในประเทศนักลงทุน ยังเข้าไปเก็งกำไรในหุ้น ที่คาดว่าจะมีผลประกอบการโดดเด่น เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น และนักลงทุนยังคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) น่าจะออกมาดี

    ส่วนแนวโน้มในรอบสัปดาห์หน้า คาดว่า ดัชนียังขึ้นไปได้ต่อ โดยนักลงทุนยังคงเข้าไปซื้อเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัว ที่คาดว่าจะมีผลประกอบการไตรมาส 2 โดดเด่น โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,480 จุด แนวต้านที่ 1,520 ส่วนกลยุทธ์การลงทุนให้ลงทุนหุ้นเป็นรายตัว เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่จะมีการประกาศผลประกอบการออกมาเป็นกลุ่มแรก

    ด้านนายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนส่วนบุคคล บล.ทิสโก้ กล่าวเสริมว่า นอกจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐแล้ว ประกอบกับดัชนีหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นแรง ตอบรับกับการรายงานผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งกระแสเงินทุนจากต่างชาติ ไหลเข้าสม่ำเสมอ เพราะภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในเกณฑ์ดีมาก

    สัปดาห์หน้าพุ่งแตะ1,520จุด

    สำหรับแนวโน้มของดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้า คาดว่า จะปรับตัวขึ้นสูงถึงระดับ 1,515 จุดได้ เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ที่หมุนเวียนเข้ามาต่อเนื่อง หลังธนาคารโลกเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น จนเกรงว่าจะเกิดความเสี่ยงภาวะฟองสบู่เกิดขึ้นในอนาคต

    นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการสายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,500 จุดได้ ก่อนจะปรับลดลง จากซื้อเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นข่าว คาดว่า แนวโน้มในสัปดาห์หน้า นักลงทุนก็ยังลงทุนในหุ้นที่มีประเด็นข่าวอยู่ทั้งกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดนมองกรอบแนวต้านไว้ที่ระดับ 1,505-1,520 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ระดับ 1,480 จุด

    แรงซื้อต่างชาติหนุนต่อเนื่อง

    นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซิมิโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นตามตลาดหุ้นภูมิภาค รับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด ขณะที่ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น อีกทั้งนักลงทุนยังคงจับตาดูนโยบายพลังงานและกลุ่มสื่อสาร รวมถึงความคืบหน้าทางการเมือง เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลและสภาปฏิรูป และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

    ชี้จ้างงานสหรัฐแกร่ง หนุนเฟดขึ้นดบ.เร็วขึ้น

    สหรัฐรายงานว่า การจ้างงานขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วขึ้นในเดือนมิ.ย. และอัตราการว่างงานดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี โดยตัวเลขเหล่านี้เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งขณะเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง

    กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 288,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และอัตราการว่างงานร่วงลงสู่ 6.1% ในเดือนมิ.ย. จาก 6.3% ในเดือนพ.ค. นอกจากนี้ ยังมีการทบทวนปรับตัวเลขจ้างงานในเดือนเม.ย.และพ.ค.เพิ่มขึ้น 29,000 ตำแหน่งด้วย

    รายงานระบุว่า จำนวนคนว่างงานระยะยาวลดลงสู่ 3.081 ล้านคนในเดือนมิ.ย. จาก 3.374 ล้านคนในเดือนพ.ค. ในขณะที่สัดส่วนชาวสหรัฐที่มีงานทำพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2009 นอกจากนี้ การจ้างงานยังเพิ่มขึ้นในหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจและแทบไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่า เกิดภาวะเงินเฟ้อด้านค่าจ้างแรงงาน

    นายโจช ไฟน์แมน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์โลกของบริษัทดอยช์ แอสเซท แอนด์ เวลธ์ แมเนจเมนท์ กล่าวว่า "รายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นถึงภาวะแข็งแกร่งอย่างชัดเจน โดยตลาดการจ้างงานขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนและกำลังการผลิตส่วนเกินกำลังถูกดูดซับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ"

    การจ้างงานเพิ่มขึ้นในระดับที่สูงกว่า 200,000 ตำแหน่งต่อเดือนในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา โดยตัวเลขนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การลดลงของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ของสหรัฐในไตรมาสแรกเกิดจากภาวะอากาศที่เลวร้ายเท่านั้น ซึ่งเป็นปัจจัยเพียงชั่วคราว

    การจ้างงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 231,000 ตำแหน่งต่อเดือนในช่วงครึ่งปีแรกและถือเป็นช่วงครึ่งปีแรกที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2006

    ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงหนุนจากตัวเลขนี้ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม ดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้บวกขึ้น 0.54% สู่ 17,068.26 และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ดัชนีปิดตลาดเหนือ 17,000

    ตลาดสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยส่งสัญญาณบ่งชี้ว่า มีโอกาส 58% ที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. 2558 โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 51 % ในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่เจพีมอร์แกนคาดว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในไตรมาส 3/2558 โดยเลื่อนจากที่เคยคาดว่าจะเป็นช่วงไตรมาส 4/2558 ส่วนโกลด์แมน แซคส์ยอมรับว่า เฟดอาจจะเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่เร็วกว่าที่โกลด์แมนคาดไว้ในไตรมาส 1/2559

    นายดั๊ก แฮนด์เลอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐของบริษัทไอเอชเอส โกลบัล อินไซท์ กล่าวว่า "ถ้าหากมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจแบบนี้ออกมาอีก ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า เราก็เชื่อว่ากำหนดเวลาในการเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจจะถูกเลื่อนออกจากช่วงปลายปี 2558 มาเป็นช่วงก่อนหน้านั้นในปีเดียวกัน"

    Tags : ตลาดหุ้น • เอเชีย • แปซิฟิก • ดอลลาร์ • สหรัฐ • เอ็มเอสซีไอ

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้