"อารีพงศ์"หวังสะท้อนกลไกตลาด บอร์ดปตท.ตั้ง"ปิยสวัสดิ์"นั่งประธาน ส่งสัญญาณปรับราคาพลังงาน "อารีพงศ์" ส่งสัญญาณปรับขึ้นราคาพลังงานหวังสะท้อนกลไกตลาด จับตา"ดีเซล-แอลพีจี-เอ็นจีวี"มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น พร้อมรอความชัดเจนจากหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจคสช.พิจารณา ขณะที่คสช.กำชับกระทรวงพลังงานเร่งภารกิจสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศ พร้อมเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนจาก25%เป็น30%ในช่วง 10 ปี บอร์ดปตท.ตั้ง“ปิยสวัสดิ์”ประธานคนใหม่ "อารีพงศ์"นั่งกรรมการเพิ่ม บอร์ดกองทุนอนุรักษ์ฯถกสัปดาห์หน้ายกเลิกโครงการใช้เงินกองทุนฯ แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงการปฏิรูปพลังงานที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้นั้น ได้แนวทางเบื้องต้นแล้วว่า จะมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล ราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับ รถยนต์ (เอ็นจีวี) อย่างเป็นขั้นตอนให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะมีการปรับราคาขึ้นเท่าไหร่ และอยู่ในช่วงไหนจึงจะเหมาะสม โดย พล.อ.อ.ประจิน ยังขอดูในรายละเอียด ให้เกิดความรอบคอบ ส่วนราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์นั้น จะมีการปรับลดราคาลง เนื่องจากที่ผ่านมามีการบวกเพิ่มภาษีสรรพสามิต และการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนในอัตราที่สูงเกินไป อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพล.อ.อ.ประจิน ได้มีการประชุมปรับโครงสร้างราคาพลังงานร่วมกับหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องมาแล้ว อาทิ กระทรวงพลังงาน บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) กลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน กลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทย กลุ่มกองทัพประชาชน และเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย เพื่อรับฟังข้อมูลและความคิดเห็นจากส่วนต่างๆทั้งในส่วนของโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซ "อารีพงศ์"ชี้ต้องราคาพลังงานตามราคาตลาด ด้านนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความชัดเจนเรื่องของการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ที่เกี่ยวกับภาคขนส่ง ทั้งน้ำมันเบนซิน ดีเซล แอลพีจี และเอ็นจีวีนั้น ว่าจะต้องรอให้ พล.อ.อ. ประจิน ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจเป็นผู้ชี้แจง โดยแนวทางจะต้องปรับให้เป็นราคาตลาด เพียงแต่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น "โดยเน้นย้ำว่า ต้องไม่เป็นภาระการคลังของประเทศ และภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยคาดว่า การปฏิรูปพลังงาน จะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ และจะเสนอต่อหัวหน้า คสช. ต่อไป"นายอารีพงศ์ กล่าว นายอารีพงศ์ กล่าวถึงภารกิจสำคัญที่ คสช. ให้ความสำคัญ คือเรื่องของความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ เมื่อเข้าไปดูในรายละเอียดของแผนต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ก็เห็นว่า ยังมีช่องทางที่จะเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวได้อีก เช่น เรื่องของการจัดหาแหล่งพลังงาน เพื่อสร้าง Supply Security การส่งเสริมพลังงานทดแทน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มสัดส่วนใช้พลังงานทดแทน30%ช่วง10ปี อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานเตรียมพิจารณาเพิ่มเป้าหมายการใช้พลังงานทดแทนของประเทศเป็น 30% จากเป้าหมายเดิมที่กำหนดให้การใช้พลังงานทดแทนให้ได้ 25% จากพลังงานทั้งหมดใน 10 ปี อย่างไรก็ตาม จะต้องศึกษาผลกระทบกับค่าไฟฟ้าก่อน หากไม่ทำให้ค่าไฟฟ้าแพงจนเกินไปกระทรวงพลังงานอาจปรับเป้าหมายดังกล่าวเพิ่มขึ้นได้ นายอารีพงศ์ กล่าวว่าในส่วนของการส่งเสริมด้านพลังงานทดแทน จะต้องประสานกับกระทรวงอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะการผลักดันหญ้าเนเปีย ให้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้านั้น ต้องสอดคล้องกับแผนโซนนิ่งเกษตรกรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย ซึ่งจะนำพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าวมาใช้ในการผลิตหญ้าเนเปีย ดึงระบบภาษีช่วยลดใช้พลังงานโรงงาน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าวอยู่ 12 ล้านไร่ จากพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด 40 ล้านไร่ ดังนั้นอาจพิจารณานำพื้นที่ดังกล่าวมาปลูกพืชพลังงานทดแทนได้ สำหรับแผนเดิมของกระทรวงพลังงานจะนำร่องปลูกหญ้าเนเปียประมาณ 700-800 ไร่ เพื่อผลิตไฟฟ้าให้ได้ 1 เมกะวัตต์ โดยจะนำร่องใน 12 พื้นลักษณะ ดังนั้นโครงการดังกล่าวจะดำเนินการให้สอดคล้องกับโซนนิ่งเกษตรกรต่อไป นอกจากนี้ จะประสานกระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรอุตสาหกรรม ลดการใช้พลังงานของโรงงานลง และอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลดการสร้างโรงไฟฟ้าลงในอนาคตได้ ทั้งนี้จะเสนอให้กระทรวงการคลัง นำระบบภาษีมาช่วยลดหย่อน เพื่อให้การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรเป็นรูปธรรมเร็วขึ้น “จากประสบการณ์ในการเป็นปลัดกระทรวงการคลัง และมีโอกาสเข้าไปเป็นบอร์ดในรัฐวิสาหกิจทางด้านพลังงาน ทำให้สามารถมองมิติทางด้านคลังและพลังงานที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งจะทำให้โครงการต่างๆของกระทรวงพลังงาน เกิดIMPACT กับประชาชนมากขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องของDEMAND MANAGEMENT เหมือนที่เกาหลีทำอย่างได้ผลมาแล้ว เชื่อว่าทิศทางที่จะเดินไปข้างหน้าจะช่วยสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศ ได้มากขึ้นกว่าแผนเดิมที่เป็นอยู่ “ นายอารีพงศ์ กล่าว ถกเลิกโครงการใช้เงินกองทุนฯสัปดาห์หน้า สำหรับการพิจารณายกเลิกโครงการที่ใช้เงินกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานนั้น ในการประชุมเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้สั่งยกเลิกไป 9 โครงการ จากทั้งหมด 220 โครงการ ในโครงการประจำปี 2556-2557 เนื่องจากบางโครงการใช้เงินไม่เหมาะสม บางโครงการดำเนินการไม่ทันกำหนด 30 ก.ย. 2557 และบางโครงการได้จบโครงการไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เห็นว่ายังมีอีกหลายโครงการที่ต้องยกเลิก ขณะนี้กำลังพิจารณาและจะเสนอบอร์ดกองทุนอนุรักษ์พลังงานชุดใหม่ที่มีพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสัปดาห์หน้า นายอารีพงศ์ กล่าวว่าสำหรับความสับสนในเรื่องข้อมูลด้านพลังงานของสังคมขณะนี้ ทางกระทรวงพลังงานจะเข้าไปแก้ไขอย่างเต็มที่ด้วย โดยเชื่อว่าหากเป็นเรื่องของข้อมูลข้อเท็จจริงแล้ว จะสามารถแก้ปัญหาให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันได้ รวมทั้งจะต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนด้วยการให้ข้อมูลที่ดูเข้าใจง่าย เช่น ในรูปแบบตัวการ์ตูน บอร์ดปตท.ตั้ง“ปิยสวัสดิ์”นั่งประธานบอร์ด ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่าหลังการประชุมคณะกรรมการบริหาร(บอร์ด) บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เป็นประธานบอร์ดปตท.แทนนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ได้ลาออกไป พร้อมตั้งนายอารีพงศ์ เป็นกรรมการในบอร์ด ปตท.เพิ่มอีกราย อย่างไรก็ตามสาเหตุที่เลือกนายปิยสวัสดิ์เป็นประธานบอร์ด เนื่องจากนายปิยสวัสดิ์ มีประสบการณ์ด้านพลังงานมายาวนานกว่า 30 ปี มีความสามารถในการประสานงานกับผู้ประกอบการด้านพลังงานทั้งในและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี ประกอบกับมีความเข้าใจด้านพลังงานมากกว่าผู้บริหารรายอื่นๆในบอร์ดพลังงานด้วย จึงได้พิจารณาเลือกนายปิยสวัสดิ์มาเป็นประธานบอร์ด ปตท. สั่งปตท.จัดเวิร์คช็อปกำหนดวิสัยทัศน์ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่านอกจากนี้ที่ประชุมบอร์ด ปตท.ยังได้สรุปให้จัด Workshop เพื่อกำหนดวิสัยทัศน์ของ ปตท.ใหม่ว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไรในระยะแรกจากปัจจุบันไปจนถึงปี 2563 หรือในอีก 7 ปีข้างหน้า และระยะที่ 2 จากปี 2563-2571 หรือในอีก 15 ปีข้างหน้า จะเป็นปีที่ ปตท.มีอายุ ครบ 50 ปี โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 26 ก.ค. นี้ ส่วนการปฏิรูปพลังงานนั้น จะมีการสรุปแนวทางปฏิรูปในวันที่ 5-6 ก.ค. 2557 นี้ เพื่อเสนอหัวหน้าคสช.พิจารณาในสัปดาห์หน้า โดยตลอดเดือนมิ.ย. 2557 ได้เก็บรวบรวมข้อมูลข้อคิดเห็นด้านการปฏิรูปพลังงานจากหลายองค์กรที่เกี่ยวข้อง และระหว่างนี้จะมีข้อมูลเข้ามาเพิ่มเติมจึงทำให้ต้องใช้เวลาในการพิจารณาอย่างรอบคอบนานขึ้น Tags : อารีพงศ์ • พลังงาน • ขึ้นราคา • กลไกตลาด • ดีเซล • แอลพีจี • เอ็นจีวี • แหล่งข่าว • พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง • ปตท. • ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์