"เอสซีจี ซิเมนต์" บริษัทลูกปูนใหญ่แจ้งซื้อหุ้น "พาเนล เวิลด์" ทำธุรกิจไม้อัดซีเมนต์ มูลค่ารวม500ลบ. รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) แจ้งว่า บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ซื้อหุ้น 55% ในบริษัทพาเนล เวิลด์ จำกัด มูลค่า 550 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่ากิจการรวม 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ พาเนล เวิลด์ ดำเนินธุรกิจแผ่นไม้อัดซีเมนต์ ปัจจุบันมีกาลังการผลิต 2.4 ล้านตารางเมตรต่อปี และอยู่ระหว่างการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 2.4 ล้านตารางเมตรต่อปี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในสิ้นปีนี้ สำหรับแผ่นไม้อัดซีเมนต์เป็นวัสดุปิดผิว ซึ่งผลิตจากไม้สับผสมปูนซีเมนต์ สำหรับใช้ในงานตกแต่งภายในและภายนอก โดยมีคุณสมบัติทนทานต่อสภาพอากาศ สามารถเป็นฉนวนป้องกันความร้อนและเสียงรบกวน มีพื้นผิวเรียบ และสะดวกต่อการนำไปใช้งาน ทั้งนี้ในปี 2556 พาเนล เวิลด์ มียอดขาย 318 ล้านบาท กำไรสุทธิ 82 ล้านบาท และมีสินทรัพย์ 341 ล้านบาท บล.บัวหลวง กล่าวว่า การเติบโตของอุปสงค์ปูนซีเมนต์ปีนี้ มีแนวโน้มสูงกว่าเป้า ล่าสุดเอสซีจีประเมินไว้ที่ 0% ซึ่งอ้างอิงจากสมมติฐานที่ว่าอุปสงค์จะโต 2% จากงวดเดียวกันปีก่อน ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่หลังจากคสช. ประกาศเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ และมีนโยบายผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ เราคาดการใช้ปูนซีเมนต์จะโตขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ในครึ่งหลังของปีนี้ จึงปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของอุปสงค์ขึ้น 2% สำหรับปีนี้จาก 0.5% และ 5%จาก 3% ในปี 2558-2559 ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2557-2558 ของฝ่ายวิจัยสูงขึ้น 1% "บริษัทคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 6.3 ล้านตัน ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งศักยภาพของบริษัททำให้การดำเนินงานโรงงานปูนซิเมนต์ และเหมืองหินในต่างประเทศง่ายขึ้น โดยโรงงานปูนซีเมนต์ทั้ง 4 แห่ง ในประเทศเพื่อนบ้านจะหนุนกำลังการผลิตปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้น 26% เป็น 31 ล้านตันในช่วง 3 ปีข้างหน้า ได้แก่ โรงงานปูนซิเมนต์ในกัมพูชาขนาด 0.9 ล้านตันในไตรมาส 2 ปี 2558 ในอินโดนีเซียขนาด1.8 ล้านตันในไตรมาส 3 ปี 2558 ในพม่าขนาด 1.8 ล้านตันในไตรมาส 2 ปี 2559 และในลาวขนาด 1.8 ล้านตันในไตรมาส 2 ปี 2560 ระยะยาวคาดว่า เอสซีจีจะเพิ่มกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ 4 ประเทศต่อเนื่อง" เขากล่าวว่า การใช้ปูนซีเมนต์ต่อหัวในพม่า 70 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ขณะที่ในกัมพูชาและอินโดนีเซียเท่ากับ 200 และ 250 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าการใช้ปูนซีเมนต์ของไทยมากที่ระดับ 600 กิโลกรัมต่อคนต่อปี หรือเวียดนามที่ 450 กิโลกรัมต่อคนต่อปี บล.ทิสโก้ กล่าวว่า เอสซีจีเป็นหุ้นได้ประโยชน์จาก คสช.เร่งฟื้นฟูประเทศ เพราะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็น 1 นโยบายเร่งด่วนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การจ่ายเงินจำนำข้าวคืนชาวนา การทบทวนโครงสร้างราคาพลังงาน การปรับค่าลดหย่อนเสียภาษีบุคคลธรรมดา น่าจะช่วยให้ประชาชนมีรายได้สำหรับการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการบริโภคภายในประเทศ ดังนั้นความต้องการวัสดุก่อสร้างขั้นพื้นฐาน เช่น ปูนซีเมนต์ กระดาษ บรรจุภัณฑ์ และพลาสติก น่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือ ความล่าช้าการเริ่มลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเกิดขึ้นจริงๆ ความวุ่นวายทางการเมือง การเติบโตเศรษฐกิจที่มีความผันผวน การปรับตัวลงของส่วนต่างราคาปิโตรเคมี และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนพลังงาน บล.กรุงศรี ระบุว่า คาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้จะเติบโต 12% จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยรายได้ของทั้งกลุ่มบริษัทยังมีแนวโน้มเติบตามธุรกิจปิโตรเคมีและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ของธุรกิจปิโตรเคมีจะเติบโตต่อเนื่อง โดยคงสมมติฐานส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์หลักสำหรับปีนี้ โดยที่ HDPE-NAPHTHA เท่ากับ650 ต่อตันดอลลาร์ และ Polypropylene-Naphtha เท่ากับ 620ดอลลาร์ต่อตัน ประกอบกับปริมาณขายจะปรับตัวสูงขึ้นหลังจากโรงงานปิโตรเคมีทั้งสองแห่งดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มที่ เพื่อป้อนอุปสงค์ที่จะเพิ่มขึ้นสูงสุดในไตรมาส 3 ของทุกปี สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้น พบว่าราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 462 บาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดื่อนที่ผ่านมา ล่าสุดราคาหุ้นปิดตลาดที่ 468 บาท Tags : ปูนซีเมนต์ไทย • พาเนล เวิลด์ • ไม้อัดซีเมนต์