"บลจ.ไทยพาณิชย์"เปิดตัว"สมิทธ์"ผู้นำทัพคนใหม่ ลั่นเดินหน้าสร้างผลตอบแทนที่ดี หวังขึ้นแท่นผู้นำตลาดรายย่อย หลังปัจจุบันครองอันดับ 1ตลาดสถาบัน นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า การเข้ารับตำแหน่งในครั้งนี้จะมุ่งตอบโจทย์ในเรื่องหลักๆ คือ 1) การสร้างผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาวให้กับนักลงทุน 2) การนำกองทุนที่ดีที่มีอยู่นำเสนอต่อผู้ลงทุนให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และ 3) การก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดลูกค้ารายย่อย เพราะปัจจุบันบริษัทเองถือว่าเป็นผู้นำในกลุ่มลูกค้าสถาบันอยู่แล้ว โดยตั้งเป้าจะสร้างการเติบโตที่ต่อเนื่องให้มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ทะลุ 1 ล้านล้านบาท ภายในปี 2557 นี้ และพยายามรักษาความเป็นผู้นำในตลาดกองทุนไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยภาพรวมผลการดำเนินงานของกองทุนของบริษัทน่าพอใจก็จริง แต่ยังทำให้ดีได้มากกว่านี้ ปัจจุบันบริษัทมีการวางรากฐานระบบงานภายในที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยัง ให้ความสำคัญกับการออกผลิตภัณฑ์กองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่หลากหลายครบถ้วน ดังนั้น มีความตั้งใจในการสานต่อนโยบายเดิมให้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับลูกค้าที่ต้องการลงทุน เพื่อได้รับผลตอบแทนในระดับที่ดี และมีเป้าหมายให้บลจ.ไทยพาณิชย์เป็นที่ 1 ในใจลูกค้า “ปัจจุบันผลการดำเนินงานโดยรวมของกองทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าพอใจก็จริง แต่ยังสามารถจะทำให้ดีมากกว่านี้ โดยโจทย์ใหญ่ในการเจาะฐานลูกค้ารายย่อย คือ การสร้างผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอ ซึ่งคงต้องใช้ทั้ง 1) การคัดเลือกหลักทรัพย์ที่มีคุณภาพที่จะลงทุน และ 2) การจังหวะที่ดีในการลงทุน เพราะเราไม่ได้แค่แข่งกับดัชนีเทียบวัดแต่กำลังแข่งขันกับคู่แข่งด้วยเช่นกัน” นายสมิทธ์ ยังกล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทประเมินว่าเศรษฐกิจยังไม่ถึงขั้นวิกฤติแม้การไม่มีรัฐบาลอาจจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลงก็ตาม โดยมองเศรษฐกิจปีนี้โตประมาณ 1.6% แต่คาดว่าประเทศไทยน่าจะมีรัฐบาลในช่วงครึ่งหลังของปีและน่าจะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในระดับ 1,200 จุด ปลายๆ ถึง 1,400 จุด ต้นๆ ได้ และยังมองว่าในปีนี้ภายใต้สถานการณ์การเมืองที่ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงนักลงทุนควรมีการกระจายการลงทุนไปในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดพัฒนาแล้วอย่างยุโรป และญี่ปุ่น ในขณะที่สหรัฐเองก็น่าสนใจเพียงแต่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามากแล้ว “โจทย์ใหญ่ คือ เรื่องผลการดำเนินงานที่จะทำให้นักลงทุนรายย่อยรู้จักบริษัทมากขึ้น ภายใน 1 - 2 ไตรมาส คาดว่าจะสามารถสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรมขึ้นมาได้ แต่กลยุทธ์ในรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในตอนนี้ ปัจจุบันบริษัทต้องสร้างกองทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีและในปัจจุบันก็มีอยู่หลายกอง แต่ที่สำคัญ คือ ต้องทำให้นักลงทุนรู้จักกองทุนที่ดีเหล่านั้นของบริษัทด้วยเช่นกัน” Tags : สมิทธ์ พนมยงค์ • ไทยประกันชีวิต