ธปท.หนุนเอกชนทำธุรกรรม'บาท-หยวน'

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 2 กรกฎาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    "แบงก์ชาติ" หนุนผู้ประกอบการไทย หันมาใช้เงิน"หยวน"ในการซื้อขาย เพื่อลดผันผวนจากค่าเงินสกุลหลัก

    นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเงินหยวน ที่มีแนวโน้มว่า จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต และได้พยายามส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย เริ่มหันมาใช้เงินหยวนในการค้าและการลงทุนที่มากขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือหนึ่งในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และลดผลกระทบจากความผันผวนของเงินสกุลหลัก โดยที่ผ่านมาเงินบาทไทย ก็สามารถกำหนดราคาซื้อขาย (โควท) ระหว่างเงินบาทกับเงินหยวนโดยตรงได้ที่คุนหมิงของจีนแล้ว

    ปัจจุบัน เงินหยวนมีบทบาทในเวทีการชำระเงินโลก ทั้งการค้าและการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ และแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของจีน ประกอบกับ ในช่วงหลังทางการจีนมีนโยบายการผลักดันการใช้เงินหยวน ให้เป็นที่แพร่หลายมากขึ้น ทำให้มีผู้สนใจใช้เงินหยวน ในธุรกรรมการค้า และการลงทุนระหว่างประเทศมากขึ้น เช่น กรณีอังกฤษเสนอตัวเป็นศูนย์กลางการชำระเงินสกุลเงินหยวน หรือ กรณีรัสเซียตกลงกับจีนในการชำระค่าสินค้าด้วยเงินสกุลท้องถิ่นระหว่างกัน

    "เมื่อประชาชนของทั้งสองประเทศเริ่มมีความคุ้นเคยในการชำระเงินสกุลท้องถิ่นระหว่างกันมากขึ้น ก็จะเป็นการเพิ่มทางเลือกในการใช้เงินสกุลท้องถิ่นให้กับภูมิภาคอื่นๆ ของโลก โดยการที่เงินสกุลหนึ่งจะติดตลาดจนสามารถทำหน้าที่เป็น International Currency (สกุลเงินสากล) ที่สมบูรณ์ มีองค์ประกอบหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่น ความคล่องตัวในการเคลื่อนย้ายเงินทุน ตลาดเงินที่มีความลึกความกว้าง ที่จะทำให้ต้นทุนการทำธุรกรรมอยู่ในระดับต่ำ" นางจันทวรรณกล่าว

    นอกจากนี้ กรณีของอังกฤษที่เป็นศูนย์กลางทางการเงิน ก็จะมีการโควท เงินหยวนกับเงินปอนด์โดยตรงในตลาดแลกเปลี่ยนเงิน (CFETS) ในประเทศจีน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการโควทเงินหยวนเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ไปบ้างแล้ว ทั้งเงินสกุลหลักและเงินภูมิภาค เช่น เงินออสเตรเลียดอลลาร์ เงินริงกิตของมาเลเซีย เงินรูเบิลรัสเซีย หรือแม้แต่เงินบาทของไทย

    ยุติบทบาทดอลล์ไม่กระทบ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท กาโซวายา โปรมีชเลนนอสต์ หรือ "กาซปรอม" ผู้ประกอบธุรกิจด้านพลังงานรายใหญ่ของรัสเซีย ที่มีส่วนแบ่งการผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่สุดของโลก ได้ตกลงยกเลิกการใช้เงินดอลลาร์ในทางบัญชี และได้เริ่มนำร่องใช้วิธีการนี้ กับกรณีที่มีการติดต่อซื้อขายด้านพลังงานกับรัฐบาลจีน หรือบริษัทเอกชนของจีนก่อน โดยเตรียมหันมาใช้เงินรูเบิลของรัสเซีย และเงินหยวนของจีน เป็นสื่อกลางในการซื้อขายก๊าซธรรมชาติอย่างเต็มตัว

    นายอังเดร ครูกลอฟ ประธานบริหารฝ่ายการเงินของ กาซปรอม ได้แถลงที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในกรุงมอสโก โดยระบุว่า การตัดสินใจเลิกใช้เงินดอลลาร์ในการซื้อขายก๊าซธรรมชาติครั้งนี้ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว จากผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งต่างเชื่อมั่นว่า "การยุติบทบาทของเงินดอลลาร์ในตลาดพลังงาน" จะไม่ส่งผลกระทบทางลบใดๆ ต่อทั้งบริษัท รวมถึงรัฐบาลรัสเซียและจีน โดยคาดว่า การหันมาใช้เงินรูเบิลและเงินหยวนแทนนั้น จะสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบภายใน 1 ปี หรืออย่างช้าไม่เกิน 2 ปี

    ด้าน วิกตอร์ ซุบคอฟ ประธานใหญ่ของกาซปรอม ก็ระบุว่า การยกเลิกใช้เงินดอลลาร์ในการซื้อขายด้านพลังงานถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดนับตั้งแต่ที่กาซปรอมก่อตั้งกิจการเมื่อปี 1989 และคาดหวังว่า จะมีการหันไปใช้เงินตราสกุลอื่นๆ เป็นสื่อกลางในตลาดพลังงานโลกมากขึ้นในอนาคต

    "นี่คือข่าวที่น่ายินดีที่สุดนับตั้งแต่ที่กาซปรอมเปิดตัวสู่ตลาดพลังงานโลกเมื่อปี 1989 ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า การลดบทบาทของเงินดอลลาร์ ถือเป็นเรื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และในอนาคต บทบาทของเงินตราสกุลอื่นในตลาดพลังงานมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น" วิกตอร์กล่าวกับผู้สื่อข่าว

    ปูตินชี้สหรัฐเริ่มเสื่อมถอย

    ขณะที่ นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดี รัสเซีย กล่าวว่า สถานะและความน่าเชื่อถือของสหรัฐในเวทีโลกกำลัง "เสื่อมถอย" ลงอย่างมาก และการเสื่อมถอยที่ว่านี้ เป็นผลพวงโดยตรงจากการที่รัฐบาลอเมริกัน "ทำตัวยิ่งใหญ่" และมีพฤติกรรมแทรกแซงประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพียงเพื่อ "ปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง"

    พร้อมย้ำว่า การตัดสินใจของกาซปรอมในการเลิกใช้เงินดอลลาร์เป็นสื่อกลางทางบัญชีครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของ "บทเรียนล้ำค่า" อีกหลายบทเรียนที่สหรัฐกำลังจะได้รับ และเป็นสัญญาณเตือนว่า ทั่วโลกกำลัง "หันหลังให้สหรัฐ"

    ก่อนหน้านี้ไม่นาน รัสเซียและจีนเพิ่งบรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์ที่มีการลงนามเมื่อ 21 พ.ค. โดยตามข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน ดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีขนาดของเศรษฐกิจ "ใหญ่ที่สุดในเอเชีย" และยังเป็นชาติที่มีการ "บริโภคพลังงาน" มากเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ตกลงสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียในวงเงินมหาศาลคิดเป็นเงินไทยราว 12.95 ล้านล้านบาท

    โดยที่ข้อตกลงดังกล่าวนี้ ครอบคลุมการส่งมอบก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปจีนนานถึง 30 ปีเต็ม และกาซปรอมจะทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้กับทางไชน่า เนชันแนล ปิโตรเลียม (CNPC) ที่อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลจีนในปริมาณ 38,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

    Tags : จันทวรรณ สุจริตกุล • ธปท. • ค่าเงิน • การเงิน • หยวน • บาท • ความเสี่ยง • เศรษฐกิจ • ดอลลาร์ • ดีวลาดิมีร์ ปูติน • รัสเซีย • จีน

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้