กลต.พอใจผลงานตลาดทุนไทยครึ่งปีแรก พบ 5 เดือนแรกของปีนี้ลงโทษในดคีปั่นหุ้นสูงสุดถึง 27 ราย นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดทุนไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ผลการดำเนินงานออกมาดีตามที่คาดทั้งในด้านการพัฒนา และการกำกับดูแล โดยในส่วนการพัฒนาเห็นได้ว่าตลาดทุนไทยแข็งแกร่ง มีปริมาณการซื้อขาย (วอลุ่ม) สูงสุดในอาเซียนต่อเนื่อง มีหุ้นใหม่เข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการหุ้นใหม่ความภูมิใจของจังหวัด ล่าสุดปีนี้มีบริษัทเข้าร่วมโครงการ 200 บริษัทจาก 40 จังหวัดทั่วประเทศ ในด้านการกำกับดูแลนั้น ก.ล.ต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เน้นในการป้องปรามมากกว่าการลงโทษ มีการจัดทำแผนรณรงค์ให้หน่วยงานต่างๆ มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ซีจี) จนบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ได้รับจัดอันดับซีจีสูงที่สุดในอาเซียน และทางธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้ยกระดับให้ไทยเป็นผู้นำทางด้านซีจีในอาเซียน นอกจากนี้ก.ล.ต.ยังได้สร้างกลไกการป้องกันการทำความผิดในตลาดทุนไว้ 3 ระดับ คือ 1. สร้างระบบการกำกับดูแลตัวเอง เพราะหากหน่วยงานนั้นๆ เห็นว่าทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ก็จะบังคับในองค์กรตัวเอง 2. ให้กลไกตลาดแต่ละธุรกิจเป็นคนกำกับดูแลกันเอง และ 3.การบังคับใช้กฎหมาย เขากล่าวต่อว่า ก.ล.ต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามใช้กลไกทางกฎหมายที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ในระหว่างที่มีการเสนอแก้ไขพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในส่วนที่เกี่ยวกับเอาผิดทางแพ่งเพิ่มเติมจากความผิดทางอาญา ซึ่งก็ถือว่าการบังคับใช้กฎหมายได้มีประสิทธิภาพ “จำนวนคดีการเอาผิดที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้หมายความว่ามีการทำความผิดมากขึ้น แต่ส่วนหนึ่งเกิดจากการป้องกัน และร่วมกันตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย เพราะเชื่อว่าหากในระบบตลาดทุนมีการดำเนินการที่โปร่งใส จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน และทำให้ตลาดทุนไทยแข็งแกร่ง” รายงานข่าวจากก.ล.ต.แจ้งว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค. 2557) สำนักงานก.ล.ต.ได้มีการบังคับใช้กฎหมายทั้งการเปรียบเทียบปรับ และการกล่าวโทษทั้งหมด 91 กรณี แยกเป็นการเปรียบเทียบปรับ 53 กรณี และกล่าวโทษ 38 กรณี จากปี 2556 ทั้งปี ที่มีการบังคับใช้กฎหมายทั้งหมด 198 กรณี เป็นการเปรียบเทียบปรับ 79 กรณี และกล่าวโทษ 118 กรณี ในจำนวนการบังคับใช้กฎหมายทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นความผิดเกี่ยวกับการสร้างราคาหลักทรัพย์ หรือการปั่นหุ้น โดยพบว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีการลงโทษในความผิดฐานปั่นหุ้น 27 ราย มากกว่าปีที่แล้วทั้งปีที่มีการเอาผิดในกรณีนี้ 13 ราย โดยแยกเป็นการเปรียบเทียบปรับ 21 ราย และการกล่าวโทษอีก 6 ราย ทั้งนี้ ในการเปรียบเทียบปรับในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นการเปรียบเทียบปรับในการสร้างราคาหุ้นบริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ (MILL) จำนวน 11 ราย รวมมูลค่าการปรับทั้งหมด 11.69 ล้านบาท ที่เหลือเป็นเปรียบเทียบปรับการสร้างราคาหุ้นบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) จำนวน 5 ราย รวมเป็นมูลค่าการปรับทั้งหมด 2.1 ล้านล้านบาท และเปรียบเทียบปรับกรณีการสร้างราคาหุ้น บริษัท ริช เอเชีย สตีล จำกัด (RICH) จำนวน 5 ราย รวมมูลค่า 26.6 ล้านบาท Tags : วรพล โสคติยานุรักษ์ • ก.ล.ต. • ปั่นหุ้น