ศาล ปค.สูงสุด ยืนตามศาล ปค.ชั้นต้น ไม่ระงับการยกเลิกโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ยกคำขอทุเลาการบังคับใช้ประกาศคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง ยุบเลิกโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ลงวันที่ 14 ต.ค. 54 ซึ่งคดีนี้ นางสมจิต วัชราเกียรติ พร้อมพวกรวม 33 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลือง และ น.พ.วิชัย เอกทักษิณ แพทย์ผู้รักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและการขันชะเนาะ ยื่นฟ้องคณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้เพิกถอนประกาศยุบเลิกโครงการดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าการรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยบรรเทาโรคบวมน้ำเหลืองให้กับผู้ป่วยได้ จึงควรให้มีการดำเนินโครงการต่อไป โดยระหว่างการพิจารณาคดี ก็ได้ขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้ประกาศไว้ก่อน แต่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งยกคำขอทุเลา นางสมจิต จึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น ระบุว่า คำสั่งศาลปกครองชั้นต้นที่ยกคำขอดังกล่าวถือเป็นที่สุดตามข้อ 73 วรรคสอง แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 ส่วนที่ นางสมจิต อ้างในชั้นไต่สวนว่า ศาลปกครองชั้นต้นไม่ได้แจ้งให้ตนเองเข้ามาชี้แจงโต้แย้งการนำเสนอของ ม.มหิดล นั้น ศาลฯ เห็นว่า นางสมจิต มิใช่คู่กรณี ศาลจึงไม่จำต้องแจ้งให้ นางสมจิต ทำคำชี้แจงและแสดงพยานหลักฐาน รวมทั้งนัดไต่สวนเพื่อมีคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด อุทธรณ์ของ นางสมจิต จึงฟังไม่ขึ้น